UREKA ชิลลิ่ง 29.85% ผู้บริหารปัดข่าวลือเทคโอเวอร์ฯ-ลุ้นปีหน้าพลิกกำไร
UREKA ชิลลิ่ง 29.85% ผู้บริหารปัดข่าวลือเทคโอเวอร์ฯ-ลุ้นปีหน้าพลิกกำไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ UREKA ราคาพุ่งชนซิลลิ่ง 29.85% โดย ณ เวลา 15.10 น.อยู่ที่ 1.74 บาท บวก 0.40 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 55.80 ล้านบาท โดยหุ้นปรับตัวต่ำสุดที่ 1.35 บาท โดยราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 1.35 บาท
ด้านนายนรากร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ UREKA ปฎิเสธข่าวลือในห้องค้าหลักทรัพย์ว่าตกเป็นเป้าหมายการซื้อกิจการ ขณะที่ราคาหุ้นพุ่งชนซีลลิ่งในวันนี้
สำหรับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากนัก โดยผลประกอบกการปีนี้จะยังคงขาดทุนสุทธิต่อเนื่องหลังได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ตกต่ำ แต่คาดว่าบริษัทจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ในปีหน้า เนื่องจากมีการปรับแผนธุรกิจที่เน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไร(มาร์จิ้น)สูง และผลิตภัณฑ์เครื่องจักรที่มีมาตรฐานและคุณภาพ
ทั้งนี้ UREKA รายงานผลประกอบการปี 57 มีผลขาดทุนสุทธิ 17.97 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกปี 58 มีผลขาดทุนสุทธิ 41 ล้านบาท
ขณะนี้บริษัทจะลดสัดส่วนสินค้าในกลุ่มยานยนต์ลง และหันมาเน้นขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรทางการเกษตร และเครื่องจักรอุตสาหกรรมพลาสติกมากขึ้น จากที่ปัจจุบันสินค้ายานยนต์มีสัดส่วนสูงถึง 60-70% ขณะที่สินค้าเครื่องจักรทางการเกษตร มีสัดส่วนราว 5% โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าหลายรายเพื่อขายสินค้าเครื่องจักรอุตสาหกรรมพลาสติก ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายเดือนต.ค.
ส่วนการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศนั้น ขณะนี้บริษัทได้ยุติการลงทุนในเวียดนาม เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมของไทยและเวียดนามน่าจะยังชะลอตัวต่อเนื่อง โดยบริษัทจะหันมาโฟกัสในอินเดียและอินโดนีเซียเป็นหลัก เนื่องจากตลาดยานยนต์เริ่มกลับมาเติบโตได้ โดยปีนี้คาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะอยู่ที่ 10% ของรายได้รวม
ขณะที่ บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ฯวันนี้ แนะ”ซื้อ”หุ้น UREKA ด้วยมูลค่าเหมาะสม 1.56 บาท คาดผลการดำเนินหลังครึ่งปีนี้จะเริ่มดีขึ้นด้วยการจะปรับเพิ่มราคา และการบริหารต้นทุนเพื่อให้มีกำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 25% หลังจากมีการแข่งขันราคากันอย่างรุนแรงของกลุ่มผู้ประกอบการ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 23.89%, 18.83%, 9.70%, 4.84% ในไตรมาส 1/57,ไตรมาส 4/57,ไตรมาส 1/58 และไตรมาส 2/58 ตามลำดับ
ทั้งนี้ครึ่งแรกปี 58 ไม่ประทับใจ กำไรสุทธิ -40.30 ล้านบาท -391% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้รวมเติบโตเพียง +4.61% แต่ค่าใช้จ่ายรวมเติบโตในอัตราที่มากกว่า +23.64% ในส่วนค่าใช้จ่ายการขายและการบริหาร
เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ คาดว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เตรียมตัวรับงานเข้ามาช้าสุดปี 60 จึงได้บริหารพนักงานไปทำในส่วนของเครื่องจักรทางการเกษตร เร่งกำลังการผลิต ให้ทันฤดูเก็บเกี่ยวกลางปีหน้า ซึ่งได้พัฒนาเครื่องจักรใหม่ๆ ออกมาตอบโจทย์ลูกค้า(Voice of Customers)เช่น เครื่องฆ่ามอด เครื่องรีดยาง เครื่องเก็บมันสำปะหลัง เครื่องคว้านเม็ดลำไย เครื่องปลูกสับปะรด เป็นต้น และได้เปลี่ยนจากการผลิตสินค้าตามสั่งเป็นการผลิตเครื่องจักรมาตรฐาน เช่น เครื่องประกอบ เครื่องล้าง
อีกทั้งยังให้ความสำคัญในอุปกรณ์ลำเลียงชิ้นงาน (Part feeder’s) และปรับลดต้นทุนด้วยการนำสินค้าของผู้ขายมาเก็บไว้ที่คลังสินค้าของลูกค้าและการนำวัตถุดิบมาเก็บที่โรงงาน นอกจากนี้การขยายฐานการขาย-การบริการ การประกอบและการผลิตไปยังต่างประเทศ จะเน้นในอินเดียที่มีอัตราการขยายดี หยุดขยายในอินโดนีเซียและพักการขยายไปยังเวียดนาม