ดาวโจนส์ปิดปรับลง IBM เผยรายได้ปรับตัวลงติดต่อกัน 14 ไตรมาส

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) เปิดเผยรายได้ที่ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 14 ไตรมาส อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (20 ต.ค.) ที่ 17,217.11 จุด ลดลง 13.43 จุด หรือ -0.08% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,880.97 จุด ลดลง 24.50 จุด หรือ -0.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,030.77 จุด ลดลง 2.89 จุด หรือ -0.14%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความผิดหวังต่อผลประกอบการ IBM โดยหุ้น IBM ปิดตลาดร่วงลง 5.75% หลังจากบริษัทรายงานตัวเลขรายได้ลดลงเป็นไตรมาสที่ 14 ติดต่อกัน เพราะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และเกิดจากการเปรียบเทียบกับตัวเลขรายได้ในปีที่แล้วซึ่งรวมถึงรายได้จากธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ระบบอินเทล ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทได้ขายกิจการออกไปแล้ว

ทั้งนี้ รายได้ของ IBM ลดลง 14% สู่ระดับ 1.929 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.960 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนในปีงบการเงินปัจจุบัน IBM คาดว่ากำไรต่อหุ้นจะอยู่ในช่วง 14.75-15.75 ดอลลาร์ ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 15.75-16.50 ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด ขณะที่ดัชนี NASDAQ และ S&P500 ขยับลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 6.5% ในเดือนก.ย. สู่ระดับ 1.21 ล้านยูนิต ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 1.15 ล้านยูนิต

หุ้นเวอไรซอน คอมมิวนิเคชันส์ ปรับขึ้น 1.21% หลังเวอไรซอนเปิดเผยตัวเลขกำไรที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากการควบกิจการกับเอโอแอล อิงค์ และจำนวนฐานสมาชิกที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เวอไรซอนเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 4.04 พันล้านดอลลาร์ หรือ 99 เซนต์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 3.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 89 เซนต์ต่อหุ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 3.88% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศแผนซื้อคืนหุ้นมูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์, หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 1.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่หุ้นโดเวอร์ คอร์ป พุ่งขึ้น 6.6% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท

สำหรับการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวานนี้ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ตลาดจับตาดูนั้น นางเยลเลนได้กล่าวถึงบทบาทที่สำคัญของสำนักงานสถิติแรงงาน ในการให้ข้อมูลที่เที่ยงตรง และน่าเชื่อถือต่อสาธารณชน อย่างไรก็ดี นางเยลเลนไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หรือนโยบายการเงินในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้

ด้านนักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ อาทิ โบอิ้ง, โคคา-โคลา, ไบโอเจน และเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ซึ่งจะมีการรายงานในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนคาดว่า ผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 จะปรับตัวลดลงในไตรมาส 3 โดยคาดว่าบริษัทพลังงานและบริษัทผลิตวัตถุดิบ จะมีผลประกอบการที่ย่ำแย่ลงอย่างมาก

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนก.ย.จากเฟดชิคาโก, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จาก Conference Board และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนต.ค.

Back to top button