หุ้นแบงก์ขึ้นยกแผง! TTB นำทีมบวก 4% โบรกฯชี้งบ Q4 สุดสวย-ชูหุ้นเด่นปี 65
หุ้นแบงก์ขึ้นยกแผง! TTB นำทีมบวก 4% โบรกฯชี้งบ Q4 สุดสวย-ชูหุ้นเด่นปี 65 รับอานิสงค์ดอกเบี้ยขาขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (28 ธ.ค. 2564) ราคาหุ้นในกลุ่มแบงก์ขยับขึ้นยกแผง โดยเมื่อเวลา 11.13 น. นำโดยหุ้น TTB,LHFG,KTB, BAY, TCAP, SCB ดังตารางประกอบ
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯมองกลุ่มธนาคารเป็นหุ้นเด่นในปี 2565 แนะนำหุ้น ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ให้ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 175 บาท และหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ให้ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 150 บาท ในธีม Inflation Hedging หรือหุ้นที่ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อเร่งตัว และได้อานิสงค์บวกจากวงจรดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น จึงคงคำแนะนำ”ซื้อสะสม”
ทั้งนี้ คาดว่า จะปรับมุมมองค่าเงินเอเชียใหม่ โดยกรอบคาดการณ์เงินบาทเดิมในครึ่งแรกปี 65 (H1/65) 34.2-33.3 บาทต่อเหรียญฯ และสิ้นปี 2565 ที่ 32.3 บาทต่อเหรียญฯ น่าจะอ่อนค่ามากขึ้น เบื้องต้น คาดกรอบ 35+/-บาทต่อเหรียญฯ ซึ่งมองเป็นบวกต่อกลุ่มแบงก์ด้วย
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปี 2565 (มี.ค. มิ.ย. ก.ย. และ ธ.ค.) จากเดิมคาดขึ้นเพียง 2 ครั้ง (ก.ย. และ ธ.ค.) หลังจากนั้น เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 6 เดือนครั้ง คือ ขึ้นดอกเบี้ยปี 2566 และ 2567 ปีละ 2 ครั้งในเดือน มี.ค. และ ก.ย. (เดิม โนมูระฯ คาด เฟด ขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2566 และ 2567)
ภาพรวมดังกล่าวบ่งชี้ถึงภาพการขึ้นดอกเบี้ยที่เร่งตัวขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ หากพิจารณาจาก Bloomberg Consensus พบว่านักลงทุนตอบรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยเฟดในปีหน้าเพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น ส่งผลให้ภาพการลงทุนปี 2565 มีความเสี่ยงจากวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นเร่ง
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST ให้น้ำหนักลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์มากกว่าตลาด หรือ Overweight โดยมองกำไรไตรมาสที่ 4/2564 โต จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสำรองลด และคาดปี 2565 ยังโตได้ต่อ คาดกำไรสุทธิรวม ไตรมาส4/2564ในกลุ่มธนาคารจะอยู่ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 12% จากไตรมาสก่อน หรือ เทียบไตรมาสก่อนหน้า
เนื่องจากมีการตั้งสํารองที่ลดลง จากช่วง ไตรมาส3/2563ที่มีการตั้งสํารองไว้สูงมาก ส่วนการลดลง เทียบไตรมาสก่อนหน้า เกิดจากค่าใช้จ่ายดำเนินงาน หรือ OPEX ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ส่วน NPLs รวม ไตรมาส 4/2564 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.74% จาก ไตรมาส3/2564ที่ 3.40% ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
ขณะที่ ธนาคารที่มีกำไรสุทธิเติบโตได้โดดเด่น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เพิ่มขึ้น 138%, ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB เพิ่มขึ้น 96% และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เพิ่มขึ้น 61% เพราะสำรองฯ ลดลงเป็นหลัก และธนาคารที่จะเติบโตทั้งได้ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เทียบไตรมาสก่อนหน้า คือ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เพิ่มขึ้น 1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, TTB เพิ่มขื้น 96% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3% เทียบไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ คาดว่ากําไรสุทธิของกลุ่มธนาคารจะยังเติบโตได้ต่อในปี 2565 ที่ 8% เพราะแนวโน้มสํารองฯ ที่ลดลงจากการที่ตั้งสํารองมากแล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีการขยายเวลามาตรการ Debt relief ต่อถึง 31 ธ.ค. 2566 ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร outperformed SET 9% ใน 3 เดือน ขณะที่ปัจจุบัน Valuation ยังถูก หรือที่ระดับ 0.7 เท่า P/BV
โดยยังคงเลือก SCB แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้า 150.00 บาท เป็น Top pick จากการเป็น Tech company ซึ่งจะทำกำไรได้เพิ่มขึ้น และชอบ TTB “ซื้อ” เป้า 1.60 บาท จากแนวโน้มของงบ ไตรมาส3/2563ที่มีโอกาสดีกว่าคาด และแนวโน้มการเติบโตของกำไรปี 2565 จะโตได้สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารจาก Integration cost ที่ลดลง
บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คาดวันที่ 21 ม.ค. 2565 SCB จะรายงานกำไร ไตรมาส 4/2564ที่ 8.55 พันล้านบาท เติบโตเด่น 72% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อและค่าใช้จ่ายสำรองลดลง แต่คาดกำไรลดลง 3% เทียบไตรมาสก่อนหน้า เพราะ opex เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ยังคงประมาณการปี 2565 ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน