III พุ่งแรง 7% “ออลไทม์ไฮ” โบรกฯชี้กำไรปี 64 โตแรงเกิน 100% แตะ 362 ลบ.
III พุ่งแรง 7% “ออลไทม์ไฮ” โบรกฯชี้กำไรปี 64 โตแรงเกิน 100% แตะ 362 ลบ. โดย ณ เวลา 11.22 น. อยู่ที่ระดับ 16.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.0 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (5 ม.ค.65) ราคาหุ้นบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ณ เวลา 11.22 น. อยู่ที่ระดับ 16.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 7.01% โดยทำจุดสูงสุดที่ 16.80 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 15.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 321.54 ล้านบาท ราคาหุ้นสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2560
โดยก่อนหน้านี้(1พ.ย.2564) นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร III กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2564 คาดจะมีการเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนได้ชัดเจน หลังจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 1-3 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งในไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท เติบโตกว่า 75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ, ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก, ธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์ และ ธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ รวมถึงจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ยังสร้างผลตอบแทนได้ดี แม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
ดังนั้น คาดปี 2564 จะมีผลประกอบการเติบโตมากกว่า 100% ขณะที่ปี 2565 น่าจะมีผลประกอบการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30-40% และตั้งเป้าหมาย 3 ปีข้างหน้า (ปี 2566) จะมีผลประกอบการเติบโตประมาณ 70-100% โดยไม่อยากให้มองเฉพาะในแง่ของรายได้เท่านั้น เนื่องจากมีการลงทุนที่ไม่ได้มีการรับรู้เป็นรายได้เข้ามาในงบอย่างเดียว จึงอยากให้มองเป็นภาพรวมผลประกอบการมากกว่ามองในแง่ของรายได้ ซึ่งการเติบโตจะมาจากทุกกลุ่มธุรกิจ และยังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่ในทุกรูปแบบ
ขณะเดียวกันล่าสุดบริษัทได้แตกกลุ่มธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ Business Development Unit (BU5) เพิ่มเติมจาก 4 กลุ่มธุรกิจหลักที่มีอยู่เดิมเพื่อรองรับเทรนด์ของตลาดที่เปลี่ยนไป ทั้งในด้านพฤติกรรมของผู้บริโภค และบทบาทของเทคโนโลยีที่จะสามารถเข้ามาสนับสนุนธุรกิจมากขึ้น โดยโมเดลธุรกิจจะครอบคลุมทั้งการพัฒนาบริการใหม่ ๆ การควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมลงทุน โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2566 จะเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างสัดส่วนรายได้ให้ไม่ต่ำกว่า 50% ของผลประกอบการรวมของบริษัท ซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ในระยะยาว
สำหรับ BU5 วางแนวคิดการสร้างการเติบโตภายใต้คอนเซ็ปต์ Logistics and Beyond BU5 ดังนี้ 1.การพัฒนาสู่การเป็นผู้นำด้านการเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในระดับภูมิภาค โดยตั้งเป้าหมายเป็นเบอร์ 1 ของตลาดนี้ ซึ่งจากการที่บริษัทได้ปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ANI) แล้วเสร็จเมื่อเดือน ก.ย. 2564 ต่อจากนี้ บริษัทจะดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนใน ANI เพิ่มเติม เป็นเงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการเข้าซื้อกิจการกลุ่มบริษัท เอเชีย จีเอสเอ (เอ็ม) เซินดิเรียน เบอร์ฮัด ในสัดส่วน 20% คิดเป็นมูลค่ากว่า 732 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะนำ ANI เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคาดว่าจะยื่นไฟลิ่งในปี 2565 เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในเอเชีย จีเอสเอ (เอ็ม) ในอนาคต ซึ่งคาดจะระดมทุนได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท
2.การพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ภายในประเทศสำหรับกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ เพื่อรองรับการเติบโตทั้งแบบ B2B, B2C และการให้บริการคลังสินค้า (Fulfillment) นอกจากนี้ เตรียมต่อยอดจากการเข้าไปลงทุนใน ShipSmile ผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจขายแฟรนไชส์ให้ผู้ประกอบการในการขนส่งพัสดุ และเป็นจุดรวบรวมการขนส่งพัสดุภายในประเทศจากบริษัทขนส่งชั้นนำ และสามารถสร้างผลกำไรที่น่าพอใจในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนสาขาจากกว่า 4,000 สาขา เป็น 10,000 สาขาภายในปี 2565 พร้อมเพิ่มความหลากหลายของบริการ ได้แก่ เคาน์เตอร์เซอร์วิส รับจองตั๋ว รับชำระค่าบริการ เป็นต้น
3.การพัฒนาบริการขนส่งสินค้าในระบบราง เตรียมพร้อมขยายเส้นทางการขนส่งข้ามแดนระหว่างประเทศ เชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าลาว-จีน (BRI) โดยบริษัทตั้งเป้าเริ่มให้บริการได้ภายในไตรมาส 1/2565 สำหรับบริการขนส่งสินค้าในระบบรางภายในประเทศจะพร้อมให้บริการภายในเดือน ธ.ค.นี้ อีกทั้งให้บริการขนส่งทางบกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากสถานีรถไฟไปยังจุดหมายที่ลูกค้าต้องการ,4.การพัฒนา E-Logistics Platform เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และ 5. บริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิให้กับสินค้ากลุ่มอาหาร ยาและเวชภัณฑ์ โดยที่ผ่านมามีการเปิดสำนักงานที่ประเทศสิงคโปร์ โฟกัสกลุ่มขนส่งวัคซีนและยาที่ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิตลอดการขนส่งและจัดเก็บ
บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า III แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรของไทยที่มีเป้าหมายที่จะเป็น Leading Logistic Company ในภูมิภาค โดยมีแผนขยายเครือข่ายการ ขนส่งอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
1) ลงทุนในบริษัท Shipsmile ที่จะขยายสาขาจากปัจจุบัน 2 พันสาขาเป็น 1 หมื่นสาขาใน 5 ปี 2)ลงทุนในบริษัท Makesend ซึ่งทำธุรกิจขนส่ง Same-day Delivery Bangkok และมีแผนที่จะพัฒนาให้เป็น Same-day Delivery Thailand 3) จัดตั้งบริษัท Cool Chain Logistics ขึ้นในประเทศสิงคโปร์เพื่อรองรับการขนส่งวัคซีนและยาเย็นในภูมิภาคเอเชีย และ 4) เริ่มวางรากฐาน ในธุรกิจขนส่งทางราง คาดเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปี 2565 5) ลุ้นปิดดีล M&A ปลายปีนี้
ประเมินกำไรสุทธิปี 2564 ปรับตัวขึ้น 122% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 362 ล้านบาท หนุนโดยรายได้ที่จะเติบโต 52% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2.44 พันล้านบาท หลังบริษัทได้ทำ scheduled cargo flight กับสายการบิน ต่างๆ ธุรกิจขนส่งทางเรือได้รับพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 40%
ส่วนธุรกิจสินค้าเคมีได้อานิสงส์จากการระเบิด ของโรงงานพลาสติกในเดือน ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เจ้าของกิจการมีความระมัดระวังด้านการจัดเก็บ สินค้าอันตรายมากขึ้น และคาดบริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมราว 200 ล้านบาท