IVL วิ่ง 4% โบรกฯชี้ เข้าซื้อกิจการ “NN” เวียดนาม จ่อสร้างกำไรครึ่งปีหลัง ชูเป้า 60 บ.
IVL วิ่ง 4% รับข่าวซื้อกิจการ “NN” ขยายตลาดบรรจุภัณฑ์เวียดนาม คาดเสร็จไตรมาส 2/65 โบรกฯ คาดสร้างกำไรครึ่งหลังปี 65 ให้ราคาเป้าหมาย 60 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (11 ม.ค. 2565) ราคาหุ้นบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ณ เวลา 11:05 น. อยู่ที่ระดับ 47.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 3.85% โดยทำจุดสูงสุดที่ 47.75 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 46.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 966.84 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ม.ค. 2565) ว่า การเข้าซื้อกิจการใหม่จะสร้างกำไรให้ IVL ในครึ่งปีหลัง 2565 ซึ่งเมื่อวานนี้ IVL ประกาศเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ Ngoc Nghia Industry – Service – Joint Stock Company (NN) ซึ่งเป็นบริษัทแปรรูป PET แนวหน้าในเวียดนาม โดยมีโรงงานผลิต 4 แห่งทั้งในภาคเหนือและภาคใต้ของเวียดนาม และมีกำลังการผลิตทั้งปีที่ 7.60 พันตันต่อปีของการแปรรูป PET (5.50 พันล้านหน่วย)
ทั้งนี้เป็นการซื้อธุรกิจแปรรูป PET แรกของ IVL เพื่อขยายการตลาดบรรจุภัณฑ์ที่กำลังเติบโตในเวียดนาม IVL จึงต้องทำ Tender offer สำหรับหุ้น 10% Free-float ที่เหลือของ NN ที่ราคา 26,219 ดองต่อหุ้น คาดมูลค่ารายการทั้งหมดที่ 2.50 พันล้านบาท และ IVL อาจใช้หนี้สิน 1.50 พันล้านบาท ของมูลค่ากิจการทั้งหมด (Enterprise value) เป็น 4 พันล้านบาท หรือ 118 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย NN จะสร้าง 15 ล้านเหรียญสหรัฐ EBITDA ต่อปีหรือ 1% to IVL ปี 2565 ที่ EBITDA โดย IVL คาด IRR 2 หลักและอัตรา EBITDA 20% ซึ่งผู้ขายเป็นบริษัท Private equity IVL จะใช้กระแสเงินสดภายในและคาดดีลนี้จะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/2565
สำหรับผู้แปรรูป PET (PET converters) มักเป็นลูกค้าของ IVL และ IVL มองว่าดีลนี้จะเหมาะสมกับกลยุทธ์ของบริษัทฯ จากการเข้าสู่ตลาดบรรจุภัณฑ์ได้ โดยเป็นผู้แปรรูป PET สำหรับบริษัทเครื่องดื่ม NN ซื้อเมล็ด PET จากแหล่งในประเทศแต่สามารถสลับไปใช้เม็ด PET ของโรงงาน IVL ในจีนและอินโดฯ ได้ อีกทั้งตลาดเวียดนามเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยเป็นประเทศที่บริโภค PET กว่า 450 กิโลตัน ต่อปีเทียบกับไทย 400 กิโลตัน โดย IVL จะเข้าซื้อบริษัทแปรรูป PET แค่ในบางตลาดเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับลูกค้าเม็ด PET ของบริษัทเอง
อย่างไรก็ดีคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 60 บาทต่อหุ้น โดยการเข้าซื้อ Oxiteno ต้องได้รับอนุมัติด้านกฎระเบียบในสามประเทศ ได้แก่ US, เม็กซิโก และบราซิล ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2565 สำหรับส่วนต่าง MTBE ฟื้นตัวได้แข็งแกร่งใน ธ.ค.ใกล้ระดับก่อนโควิดที่ 290 ล้านเหรียญสหรัฐต่อตัน หลังปรับตัวลงเป็น 108 ล้านเหรียญสหรัฐต่อตัน ในต.ค. จากราคาต้นทุนบิวเทนที่สูงขึ้นจากราคาพลังงานที่สูง