PACO ดีด 3% ลุ้นรายได้ปีนี้เข้าเป้า 1 พันลบ. เล็งออกสินค้าใหม่-ขยายตลาดต่อเนื่อง

PACO ดีด 3% ลุ้นรายได้ปี 65 โตเข้าเป้า 1 พันลบ. เล็งเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย เดินหน้าขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (11 ม.ค. 2565) ราคาหุ้นบริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO ณ เวลา 15:57 น. อยู่ที่ระดับ 3.04 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือ 2.70% โดยทำจุดสูงสุดที่ 3.08 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 2.94 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 59.61 ล้านบาท

นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PACO เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 2565 จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,000 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ออยล์คูลเลอร์ ไดชาร์จ และไดสตาร์ท เป็นต้น รวมไปถึงขยายไลน์แอร์รถยนต์ในกลุ่มรถหรู (Luxury Cars)

ขณะที่ล่าสุดภาครัฐบาลได้เตรียมออกมาตรการกระตุ้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นโครงการระยะยาวที่เชื่อว่าจะเข้ามาช่วยหนุนให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยกลับมาคึกคักขึ้น โดยบริษัทฯ ได้เริ่มเปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่เพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ของโลกคือยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ไปบ้างแล้ว เริ่มจากผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่คูลเลอร์ ซึ่งเป็น 1 ในชิ้นส่วนสำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แบบ BEV และ PHEV (Plug-in Hybrid)

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังตั้งเป้าขยายตลาดในประเทศอย่างต่อเนื่อง ผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และ เครือข่ายร้านค้า PACO Auto Hub ที่บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มร้านค้าเป็น 300 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 200 สาขา

ด้านตลาดต่างประเทศบริษัทฯ ได้เตรียมเข้าไปตั้งสำนักงานขายและคลังสินค้าในประเทศมาเลเซีย ก่อนที่จะตั้งทีมจำหน่ายและส่งสินค้าไปจำหน่ายในช่วงไตรมาส 2/2565 รวมทั้งจะเปิดตัวเครือข่ายร้านค้า PACO Auto Hub เพื่อที่จะทำการตลาดอย่างจริงจัง และบริษัทฯ จะสามารถทำการตลาดได้ด้วยตัวเอง จากเดิมที่บริษัทฯ มีการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายผ่านตัวแทนขายมากว่า 20 ปี

ขณะที่ตลาดประเทศจีนปัจจุบันได้มีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาแล้ว คาดว่าจะเริ่มส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายได้ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 โดยเป็นช่วงการเริ่มต้นทดลองตลาด เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ และหากมีการเติบโตดีบริษัทฯ อาจจะมีการพิจารณาสร้างโรงงานเพิ่มเติมเพื่อรองรับกับกำลังซื้อที่จะเข้ามาเพิ่มมากขึ้น

“หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาฟื้นตัวทั่วโลก โดยจะหนุนให้คำสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์กลับมาเติบโตด้วย ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย และเชื่อว่าจะผลักดันให้รายได้เติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายสมชาย กล่าว

Back to top button