SAWAD พุ่งแรง 5% เก็งฯ ดัน SCAP เข้าตลาด ลุ้นปี 65 กำไรโต 10%
SAWAD พุ่งแรง 5% ราคาแตะ 64.75 บ. คาดนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร จากแผนนำ SCAP เข้าตลาดภายในปี 65 ซึ่งเร็วกว่าคาด โบรกฯ ประเมินปี 65 กำไรโต 10% คาดยอดปล่อยสินเชื่อฟื้น แนะนำ “ซื้อ” เป้า 75 บ. ชูท็อปพิคกลุ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ล่าสุด ณ เวลา 10:24 น. อยู่ที่ 64.75 บาท บวก 3 บาท หรือ 4.86% สูงสุดที 65.25 บาท ต่ำสุดที่ 62.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 942.70 ล้านบาท
ทั้งนี้ราคาหุ้น SAWAD ปรับตัวขึ้น คาดนัดลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรจากแผนเตรียมความพร้อมนำบริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด หรือ SCAP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SAWAD เข้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าคาดการณ์จากเดิมช่วงปี 2566-2567 อีกทั้ง SAWAD ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
โดย บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ม.ค.2565) ประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 ของ SAWAD อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เติบโต 15.8% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และ 0.8% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยดีขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ทุกองค์ประกอบ 1. รายได้ดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นตามการเติบโตขึ้นของสินเชื่อ โดยตั้งเป้าทั้งปีหดตัว 4.5% จากงวด 9 เดือนนแรกปี 2564 ที่หดตัวไปกว่า 12%YTD (ผลของการขายพอร์ทเงินสดทันใจไปเป็นบริษัทร่วมทุนกับธ.ออมสิน ราว 7.4 พันล้านบาท) และ NIM ที่สูงขึ้น
รวมทั้ง 2. รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตจากค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อ ค่าธรรมเนียมจากลูกค้าบริษัทร่วมกับออมสิน และธุรกิจนายหน้าประกัน 3. ค่าใช้จ่ายที่ลดลงแม้จะอยู่ช่วง High Season จากการปรับระบบการทำงานหลังบ้านด้วยเทคโนโลยี และค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองที่ยังคงมีการกลับรายการจากการลดพอร์ทของ BFIT ส่วนภาพรวมทั้งปีคาดจะรายงานกำไรสุทธิ 4.88 พันล้านบาท ขยายตัว 2% เมื่อเทียบจากปีก่อน
รวมถึงคาดการณ์ผลประกอบการปี 2565 กำไรสุทธิราว 5.4 พันล้านบาท ขยายตัว 10.5% จาก 1. สินเชื่อเติบโต 20% จากการเพิ่มพอร์ทสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มี Yield ค่อนข้างสูง ส่งผลต่อ NIM ปรับตัวขึ้นตามเป็น 17.4% และยังได้แรงหนุนจากการขยายสินเชื่อผ่านธ.ออมสินมากขึ้น 2. รายได้ Non-NII ที่คาดว่าจะขยายตัว 13.4% โดยเฉพาะจากการ cross selling กับธ.ออมสิน คาดปีนี้จะได้กำไรจากบริษัทร่วมราว 40 ล้านบาท และค่าคอมมิชชั่นจากการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบผ่อนชำระ 3. ค่าใช้จ่ายที่ลดลงหลังการปรับระบบหลังบ้าน สะท้อนผ่านสัดส่วนต้นทุนผ่านรายได้ที่ลดลงเหลือ 34% ส่วนการตั้ง Credit cost ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 75.2 bps และ NPLs ratio ทรงตัวต่อจากปี 64 ที่ระดับ 3.8%
ทั้งนี้แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SAWAD ที่ราคาเป้าหมาย 75 บาท โดดเด่นด้วยการฟื้นตัวของสินเชื่อจาก การเป็นพันธมิตรร่วมกับออมสินส่งเสริมให้ NII และ Non-NII ขยายตัวตาม รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่มีระบบมากขึ้นช่วยลดค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ดีปี 2565 จะมีการกลับมาตั้งสำรองอีกครั้ง ขณะที่ยังมีความเสี่ยงที่รออยู่อย่างการกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ เช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ที่ 20% และสินเชื่อเช่าซื้อที่ระดับ 20% จาก สคบ. ที่จะมีการ hearing รอบที่ 2 ต้นปีนี้ ทั้งนี้เลือกเป็น Top pick ของกลุ่ม