FPI พุ่งแรง 8% จับตางบ Q4/64 เด่นสุดของปี-วางเป้ารายได้ปี 65 โต 10% ตุนแบ็กล็อก 800 ล้าน
FPI พุ่งแรง 8% นิวไฮรอบกว่า 3 ปี จับตางบไตรมาส 4/64 เด่นสุดของปี-วางเป้ารายได้ปี 65 โต 10% ตุนแบ็กล็อก 800 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นวันนี้ (14ม.ค.65) บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI ณ เวลา 16:04 น. อยู่ที่ระดับ 3.72 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 8.77% สูงสุดที่ระดับ 3.94 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 97.40 ล้านบาท ราคาหุ้นแรงในรอบ 3 ปี 8 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 3.74บาท เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2561
โดยก่อนหน้านี้(14 ธ.ค.64) นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ FPI เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2564 จะเติบโตดีที่สุดของปี 2564 ซึ่งยอดขายในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ในรอบ 5 ปี ขณะที่ยอดขายในเดือนพฤศจิกายนก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องจากเดือนตุลาคม
นอกจากนี้ บริษัทยังเชื่อว่าในเดือนธันวาคมนี้ยอดขายจะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดบริษัทได้จองเรือขนส่งสำหรับขนสินค้าจำนวน 100 ตู้ เพื่อส่งสินค้าไปให้ลูกค้าในสัปดาห์หน้า ขณะเดียวกันบริษัทได้ทำการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศไว้ล่วงหน้า (Lock Forward) ซึ่งจะส่งให้แนวโน้มของมาร์จิ้นในไตรมาส 4/2564 ปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ จากแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2564 ที่ดีต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กันยายน) ซึ่งบริษัทมีรายได้รวมแล้ว 1,511.94 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 188.19 ล้านบาท บริษัทเชื่อว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2564 จะเติบโตขึ้นจากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 1,848.58 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 18.75 ล้านบาท
โดยบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้จากการขายในปี 2564 ไว้ที่ 2,150 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีก่อน ซึ่งเป็นปีที่มีฐานรายได้ต่ำ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 1-3/2564 รายได้จากการขายของ FPI เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส
สำหรับในปี 2565 บริษัทวางเป้าหมายรายได้จากการขายจะเติบโตที่ระดับ 10% ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 800 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภายในประเทศประมาณ 500-600 ล้านบาท และงานในประเทศอินเดียประมาณ 700-800 ล้านรูปีอินเดีย ซึ่ง Backlog ทั้งหมดจะทยอยส่งมอบในปี 2565-2566
นายสมพล กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่ ๆ ต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประมูลงานในประเทศอินเดีย 2-3 งาน งานในประเทศดูไบ และงานของค่ายรถยนต์โตโยต้า 2-3 งาน ซึ่งโดยปกติบริษัทจะได้รับงานใหม่โครงการใหญ่ ๆ ประมาณ 300-400 ล้านบาทต่อปี
“ปัจจัยบวกในการดำเนินงานจากนี้ คือ อัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งบริษัทได้ Lock Forward ล่วงหน้าไว้แล้ว และค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่ง FPI จะได้เปรียบกว่าคู่แข่งในประเทศใกล้เคียง เพราะเรามีสินค้าหลากหลาย 8-9 แสนรายการ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกสินค้าได้หลายรายการในตู้เดียว ขณะที่คู่แข่งมีสินค้าให้เลือกน้อยกว่า” นายสมพล กล่าว