โบรกเชียร์ซื้อ STEC เป้า 17 บ.ชี้ผลงานปี 65-66 ฟื้น ลุ้นคว้างานใหม่ดันแบ็กล็อกแตะ 1 แสนล.
STEC ดีดบวก 1% “ฟินันเซีย” แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้า 17 บ. มองผลงานปี 65-66 ฟื้นเด่น – ลุ้นคว้างานใหม่ดันแบ็กล็อกพุ่งระดับ 1 แสนลบ. สูงสุดรอบ 3 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ณ เวลา 10:49 น. อยู่ที่ระดับ 14.90 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.68% สูงสุดที่ระดับ 15.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 14.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 72.14 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาในแดนบวกอีกครั้ง หลังปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า คงราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 17 บาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากแนวโน้มทั้งผลประกอบการฟื้นตัวในไตรมาส 4/64 และโดดเด่นขึ้นในปี 2565-66 รวมถึงมีโอกาสรับงานใหม่อีกมากตามการเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ อาทิ รถไฟฟ้าสายสีส้ม, มอเตอร์เวย์
ขณะที่ระยะสั้นมี Catalyst จากการประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ วงเงินรวม 7.9 หมื่นล้านบาท ซึ่ง STEC JV กับ CK (CKST-PL) ยื่นซองครบทั้ง 6 สัญญา คาดรู้ผลในเดือนก.พ.และเซ็นสัญญามี.ค.นี้
โดยมองว่าการร่วมมือของ CK และ STEC จะเป็นการเพิ่มศักยภาพและโอกาสในการชนะประมูลในหลายสัญญาเช่นเดียวกับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกและรถไฟทางคู่เด่นชัย โดยในประมาณการของเรามีสมมติฐานกลุ่ม CKST-PL มีสัดส่วนถือหุ้น 50 : 50 และ Success rate 50% ซึ่งหากจริง STEC จะได้รับงานเข้ามาเติมราว 2 หมื่นล้านบาท หนุน Backlog แตะระดับมากกว่า 1 แสนล้านบาทภายในปีนี้ได้ไม่ยาก ซึ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี
ทั้งนี้ ประเมินกาไรปกติไตรมาส 4/64 ที่ 195 ล้านบาท (+43% จากไตรมาสก่อน, -19% จากปีก่อน) โดยการฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนมาจากฐานต่าในไตรมาส 3/64 ที่ได้รับผลกระทบจากคาสั่งปิดแคมป์ก่อสร้าง รวมถึงโครงการรัฐสภาใหม่ที่ไม่มีมาร์จิ้นถูกส่งมอบแล้วในไตรมาส 3/64
อย่างไรก็ดี เทียบกับไตรมาส 4/63 คาดหดตัวจากปีก่อน หลังหลายโครงการใหญ่ถูกส่งมอบ และงานใหม่อยู่ในช่วงเริ่มต้นโครงการ รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นถูกกดดันจากการแข่งขันสูง และต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เป็นขาขึ้น
รวมถึงมีค่าใช้จ่ายจากการป้องกันการแพร่ระบาด ส่งผลให้คาดรายได้ก่อสร้างอยู่ที่ 7.9 พันล้านบาท (+30% จากไตรมาสก่อน, -11% จากปีก่อน) และอัตรากาไรขั้นต้นทาได้ 4.6% เทียบกับไตรมาส 3/64 ที่ 4.4% และไตรมาส 4/63 ที่ 5.0% อีกทั้ง ไตรมาส 4 ของทุกปีมักมีบันทึกกาไรพิเศษจากการปรับมูลค่ายุติธรรมอสังหาฯซึ่งจะเป็นส่วนเพิ่มต่อคาดการณ์ของฝ่ายวิจัย
ทั้งนี้ หากกาไรปกติไตรมาส 4/64 เป็นไปตามคาด จะทำให้ทั้งปี 2564 สอดคล้องกับประมาณการที่ 622 ล้านบาท (-28% จากปีก่อน) สำหรับปี 2565 คงคาดการณ์กำไรปกติที่ 1.1 พันล้านบาท (+71% จากปีก่อน) กลับมาเติบโตอีกครั้งจากปี 2563-64 ที่หดตัวติดต่อกันหลังได้รับผลกระทบ COVID-19
โดยคงคาดรายได้ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท (+17% จากปีก่อน) และอัตรากาไรขั้นต้น 5.3% (+100 bps จากปีก่อน) ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของบริษัท หลักๆ มาจากการเร่งงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง รวมถึงความคืบหน้ามากขึ้นของโรงไฟฟ้าปลวกแดงและโรงไฟฟ้าหินกอง ซึ่งเป็นงานขนาดใหญ่และมีมาร์จิ้นดี
นอกจากนี้ หนุนด้วยการเริ่มงานที่เซ็นใหม่อย่างงาน O&M มอเตอร์เวย์บางใหญ่ กาญจนบุรีและบางปะอิน นครราชสีมา รวมถึงรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญา 2, 3 คาดเริ่มงานตั้งแต่ไตรมาส 2/65 และช่วงครึ่งหลังของปี 65 ตามลำดับ
ขณะที่ล่าสุด บริษัทเซ็นสัญญารถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญา 2,3 ซึ่ง STEC JV กับ CK โดยงานที่เป็นของ STEC มูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาท หนุนให้งานในมือ ณ สิ้นปี 2564 คาดอยู่ที่ 9 หมื่นล้านบาท เทียบเท่ารายได้ 3 ปี โดยมีงานระหว่างรอเซ็นอย่างโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่า 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจากการสอบถามทางบริษัทพบว่ามีโอกาสที่กรอบเวลาการเซ็นสัญญาล่าช้าจากเดิมที่คาดไว้ในช่วงครึ่งหลังของปี 65 เป็นปี 2566 กรณีเลื่อนจริง ประเมินว่ากระทบต่อประมาณการปี 2565 ของฝ่ายวิจัยราว 4%