RS พุ่งแรง 5% จับตาแถลงข่าวธุรกิจ-ดีลซื้อ “ยูนิลีเวอร์” วันนี้ โบรกฯ ชูเป้า 24 บ.

RS พุ่งแรง 5% จับตาแถลงข่าวธุรกิจ-ดีลซื้อ “ยูนิลีเวอร์” กว่า 900 ลบ. วันนี้ โดยจะเช้าซื้อธุรกิจขายตรง Omni Channel โบรกฯชูเป้าสูงสุด 24 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 24 ม.ค. 2565 ราคาหุ้น บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)  หรือ RS  ณ เวลา 11:19 น. อยู่ที่ระดับ 20.70 บาท  บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 4.55% โดยทำจุดสูงสุดที่ระดับ 21.10 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 20.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 521.16 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากวงการเงิน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวออกมา RS อยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการยูนิลีเวอร์ ซึ่งถือเป็นดีลใหญ่ ปัจจุบันดีลดังกล่าวเป็นรูปเป็นร่างอยู่ในช่วงตกลงขั้นสุดท้าย โดยจะเป็นการเข้าซื้อในส่วนของธุรกิจขายตรง Omni Channel มูลค่าการลงทุนประมาณ 900 ล้านบาท ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะจบดีลได้อย่างแน่นอน และคาดว่า RS จะประกาศปิดดีลอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RS เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ในวันนี้ (24 ม.ค. 2565) บริษัทจะมีการแถลงข่าว “RS GROUP Business Direction 2022 : Seamless Entertainmerce Experience” สัมผัสประสบการณ์ Entertainmerce แบบไร้รอยต่อ โดยให้ข้อมูลถึงภาพรวมธุรกิจ ทิศทางการดำเนินงาน กลยุทธ์สำคัญของแต่ละกลุ่มธุรกิจ และก้าวต่อไปของ Popcoin ในฐานะ Infrastructure เพื่อยกระดับโมเดล Entertainmerce ให้แข็งแกร่งขึ้นในหลากหลายมิติ ทั้งการสร้าง Seamless Consumer Experience และการมี Seamless Big Data เพื่อการเติบโตของบริษัทในระยะยาว รวมถึงเป้าหมายการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในปี 2565

โดยปี 2565 เป็นปีที่บริษัทวางแผนกลับมาเติบโตได้ปกติ เนื่องจากแผนธุรกิจหลาย ๆ อย่าง ที่ได้วางแผนไว้ในปี 2564 ซึ่งไม่ได้ทำ เช่น อีเวนต์ คอนเสิร์ตใหญ่ มีแผนจะกลับมาทำในปี 2565 ทั้งหมด นอกจากนี้ ตัวที่จะเป็นไฮไลท์ในการสร้างการเติบโต นอกเหนือจากการฟื้นตัวปกติของธุรกิจมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นช่อง 8 และคลื่นวิทยุ Coolfahrenheit คือ การให้น้ำหนักกับการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกไปขายในช่องทางอื่น ๆ นอกจาก RS Mall ผ่านบริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด

รวมทั้งบริษัท โฟร์ท แอปเปิ้ล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่เข้าร่วมทุนในปีที่ผ่านมา มีธุรกิจหลัก คือ เป็นเอเจนซี่ทำออนไลน์มีเดีย และผู้เชี่ยวชาญทำคอนเทนต์ต่างประเทศ โดยเฉพาะคอนเทนต์ K-POP ของเกาหลี ตัวที่เป็นไฮไลท์ปี 2565 คือ การที่บริษัทใช้ โฟร์ท แอปเปิ้ล เป็นเรือธงบริหารจัดการในเรื่องของ Popcoin โดยบริษัทจะใช้ Popcoin เป็นตัวผลักดันทุกธุรกิจให้มีการเติบโตและมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Popcoin จะสร้างระบบนิเวศของ RS ที่แข็งแรงอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงมากยิ่งขึ้น

ปี 2565 เป้าหมายที่มองไว้มีการเติบโตค่อนข้างมาก คาดหวังว่าถ้าไม่มีล็อกดาวน์ ถ้าเราควบคุมหรืออยู่กับสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ได้ เชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีทองของ RS และเราเชื่อมั่นมากว่าด้วยทุก ๆ ธุรกิจภายใต้โมเดล Entertainmerce เป็นเครื่องจักรทำเงิน ทำงาน ที่เดินหน้าไปได้ดีอยู่แล้ว และปีนี้มี Popcoin เป็นอาวุธสำคัญทางการตลาดที่จะมาช่วยขับเคลื่อนยอดขาย มีเดียมาร์เก็ตติ้ง เป็นตัวเร่งให้เราเข้าสู่เป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น นายสุรชัย กล่าว

ส่วนในปี 2564 บริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะช่วงที่รุนแรงมากในไตรมาส 3-4/2564 อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของบริษัทด้วยโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ซึ่งใช้ศักยภาพของธุรกิจมีเดีย ธุรกิจบันเทิง ประสานกับธุรกิจพาณิชย์ ทำให้บริษัทสามารถฝ่าฟันมาได้ และอีกอย่างคือ จุดเด่นของ RS เป็นองค์กรที่มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง และมีความยืดหยุ่น เพราะฉะนั้นแม้จะเกิดวิกฤตในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 บริษัทยังสามารถประคับประคองและผ่านมาได้

นอกจากนี้ในช่วงที่บริษัทได้รับผลกระทบดังกล่าว สิ่งหนึ่งที่บริษัทพยายามจะทำ คือ ใช้เวลาแก้ปัญหาธุรกิจ และหาทางสร้างสรรค์ คิดนวัตกรรม เพื่อเมื่อสภาพการทำธุรกิจกลับมาสู่ภาวะปกติ บริษัทจะมีโอกาสในการขยับและก้าวไปได้เร็วยิ่งขึ้น เป็นที่มาของการเปิดตัวเหรียญ Popcoin ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า จุดเด่นของ RS คือมีการปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่ดำเนินธุรกิจด้านเพลงหรือสื่อเพียงอย่างเดียว ล่าสุดยังได้ออกเหรียญ Popcoin เพื่อใช้ใน Popcoin Ecosystem โดยมียอดผู้ลงทะเบียนเป็น Popster กว่า 5 แสนราย จากแคมเปญ Popcoin Airdrop ที่เกิดขึ้นในช่วง พ.ย.-ธ.ค.64 และคาดว่าจะถึง 1 ล้านรายภายในเร็ว ๆ นี้ โดย Popcoin จะเริ่มเทรดใน Bitkub วันที่ 24 ม.ค.65

โดย RS ตั้งเป้ารายได้จาก Popcoin ในปี 65 ไว้ที่ประมาณ 100-200 ล้านบาท จากการ Redeem เหรียญและค่าธรรมเนียมการเทรดใน Bitkub อิงราคาเหรียญเบื้องต้นอยู่ที่ 0.20 บาทที่ทาง RS ขายให้กับ Sponsor และอัตราการ Redeem อยู่ที่ 50% (ปี 65 จะออกเหรียญทั้งหมด 2,500 ล้านเหรียญ โดย 65% จะขายให้ B2B, 35% จะแจก) ทั้งนี้บริษัทคาด Net Profit Margin ที่ 20% – 30%

อีกทั้งปัจจุบัน RS ขายเหรียญได้ทั้งหมดประมาณ 40% ของเหรียญที่ขายให้ B2B (หรือ 650 ล้านเหรียญ) นับว่าเป็นสัญญาณการตอบรับที่ดีจากตลาด B2B และคาดว่าจะเห็น Business Partner ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นหลังเหรียญเริ่มเทรดใน Bitkub

สำหรับรายได้จากธุรกิจเดิม ก็จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ไม่รุนแรงเท่าปีก่อน ฝ่ายวิจัยจึงประเมินกำไรสุทธิปี 65 ที่ 576 ล้านบาท (+156% YoY) และปี 66 ที่ 811 ล้านบาท (+41% YoY) จากการก้าวเข้าสู่วัฎจักรการเติบโตรอบใหม่อีกครั้งหนุนโดยการเติบโตของธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ ซึ่งยังไม่รวมรายได้จากธุรกิจกัญชงและ Popcoin และหากรายได้ Popcoin เป็นไปตามบริษัทคาด จะเป็น Upside ต่อประมาณการปี 65 ของเราที่ 4-7% (อิง Net Profit Margin 20%)

โดยให้ราคาเป้าหมายหุ้น RS ไว้ที่ 24 บาท/หุ้น ณ ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ประมาณ 19 บาท/หุ้น ตรงนี้เลยมองว่าเป็นหุ้นที่น่าซื้อสะสม เพราะเรามีมุมมองเชิงบวกต่อตัวเลขของผลประกอบการที่ดี ทั้งจากสถานการณ์โควิด-19ที่ไม่รุนแรง ส่งผลดีต่อธุรกิจเดิม ด้านธุรกิจใหม่ก็เห็นการตอบรับที่ดีจากตลาด ราคาหุ้นระดับนี้ถือว่ามีอัพไซด์ได้อยู่พอสมควร

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า RS จะจัดงานประชุมนักวิเคราะห์เพื่อแถลงแผนธุรกิจปี 2565 อย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 24 ม.ค. 2565  ซึ่งจะมีการทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมายอีกครั้งโดยจะรวมโอกาสจากการออก Utility Token เข้าในประมาณการด้วย

ขณะที่ปัจจุบันคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 ฟื้นมีกำไรสุทธิ 72 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน จากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และค่าใช้จ่ายจากการขายและบริหาร (SG&A) ลดลงจากไตรมาสก่อน จากการชะลอการทำการตลาดสินค้าใหม่

อย่างไรก็ตาม จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2564 ขาดทุนสุทธิ 0.3 ล้านบาท แย่กว่าคาดมาก จึงปรับลดกำไรสุทธิปี 2564-2566 เป็นปี 2564 กำไรสุทธิ 264 ล้านบาท ลดลง 50% จากปีก่อน และปี 2565 กำไรสุทธิ 680 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 158% จากปี 2564 จากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม Chase และ Specialty Group (ธุรกิจ OEM ผลิตภัณฑ์ Health & Beauty) อย่างเต็มปี แนะนำ “Trading Buy” ราคาเป้าหมายที่ 20.75 บาท

Back to top button