WFX บวก 3% จับตากำไรปี 64 โตแรงเกิน 400% แตะ 297 ลบ. โบรกฯเชียร์ซื้อเป้า 9.50 บ.
WFX บวก 3% จับตากำไรปี 64 โตแรงเกิน 400% แตะ 297 ลบ. โบรกฯเชียร์ซื้อเป้า 9.50 บ. โดย ณ เวลา 12:10 น. อยู่ที่ 8.60 บาท บวก 0.25 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(25 ม.ค.64)ราคาหุ้น บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ WFX ล่าสุด ณ เวลา 12:10 น. อยู่ที่ 8.60 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 2.33% สูงสุดที่ 8.65 บาท ต่ำสุดที่ 8.40 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 150.05 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้(6ม.ค.65)นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ WFX กล่าวว่า ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้เติบโตประมาณ 10-15% จากปีก่อน ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยคาดการขยายกำลังการผลิตเส้นด้ายยางยืดจะเร็วกว่าแผน ซึ่งในเฟสแรกมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ก็อาจจะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 1/2565 และเฟสที่สองจะเร่งให้แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2565 โดยจะส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 41,000-42,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตประมาณ 35,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้ต้นทุนลดลง ซึ่งบริษัทจะรับออเดอร์ล่วงหน้าไม่เกิน 2 เดือน ด้านแนวโน้มต้นทุนราคายางยืด คาดปี 2565 ซัพพลายยางจะหดตัวลง ราคาวัตถุดิบน่าจะปรับเพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลให้ราคายางยืดเพิ่มขึ้น โดยทางบริษัทจะให้ข้อมูลกับลูกค้าตลอดอยู่แล้ว
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 น่าจะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทจะโฟกัสในเรื่องการขยายฐานกำลังการผลิตก่อน ส่วนการเข้าควบรวม หรือซื้อกิจการ (M&A) อยู่ระหว่างการศึกษา อาจจะมีการแตกไลน์ธุรกิจใหม่จากธุรกิจเดิม หรือเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิม ซึ่งตามแผนน่าจะได้เห็นในอีก 1-2 ปี
ส่วนผลการดำเนินงานปี 2564 น่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) โดยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2564 จะยังเติบโตต่อเนื่อง ต้นทุนการผลิตที่ลดลง คาดจะแจ้งงบช่วงปลายเดือนม.ค. หรือต้นเดือนก.พ. 2565ได้ ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโอมิครอน ณ วันนี้ยังไม่มีผลกระทบกับบริษัท โดยลูกค้ายังคงมีออเดอร์เข้ามาเป็นจำนวนมาก
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่าในบทวิเคราะห์ (23 ธ.ค.2564) ว่า WFX ดำเนินธุรกิจกลางน้ำเป็นผู้ผลิตเส้นด้ายยางยืดรายใหญ่ มีความสามารถในการผลิตเส้นด้ายยางยืดในทุกขนาด ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ และด้วยผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีอายุการใช้งานจำกัดทำให้ลักษณะรายได้ส่วนใหญ่มีรูปแบบเป็น Recurring นอกจากนี้ WFX ยังดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกขยายตลาดไปยังทวีปอื่นนอกประเทศจีน เหตุจากปัญหาสินค้าขาดตลาด เนื่องด้วยCOVID-19
ทั้งนี้คาดกำไรทั้งปี 2564 อยู่ที่ 297 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 413.9% เมื่อเทียบจากปีก่อน และกำไรปี 2565 อยู่ที่ 337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากการบุกตลาดแย่งส่วนแบ่งนอกประเทศจีน เช่น ทวีปอเมริกาใต้และทวีปยุโรป ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาที่ Demand มากกว่า Supply จากปัญหา COVID-19 นอกจากนี้ บริษัทเลือกใช้ช่องทางการทำตลาดแบบตรงเข้าสู่ End Users โดยตรงจากเดิมที่จะขายผ่านผู้จัดจำหน่ายสินค้า (Distributor) ทำให้ขายได้มาร์จิ้นที่สูงกว่า
โดยในครึ่งแรกปี 2564 สัดส่วนรายได้ในช่องทางขายตรงสู่ End Users เพิ่มขึ้นเป็น 29.3% ของรายได้รวม จาก 23.9% ในปี 2563 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 13.3% ในครึ่งแรกปี 2564 จาก 7.4% ในปี 2563 ประเมินมูลค่าพื้นฐานอ้างอิง Target PEที่ 13 เท่า ได้ราคาเป้าหมายปี 2565 (Pre-Money) ที่ 9.5 บาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินว่า WFX จะมีรายได้จากการดำเนินงานในช่วงปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากปีก่อน และในปี 2565 จะมีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2565 ซึ่งจะมาจากการขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง โดยในช่วงต้นปี 2564 บริษัทเพิ่งขยายกำลังการผลิต 3,240 ตันต่อปี และมีแผนขยายกำลังผลิตอีก 12,400 ตันต่อปี ในช่วงปี 2565-2566 สอดคล้องกับคำสั่งซื้อที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น คาดว่าจะมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ระดับมากกว่า 95% หลังเริ่มเดินเครื่องจักร ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงที่ 14.7% และ 14.0% ตามลำดับ เป็นผลสืบเนื่องจากอัตราการใช้กำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร (SG&A) ต่อรายได้รวม คาดจะอยู่ที่ระดับ 5% และ 4.3% ตามลำดับ ส่งผลให้คาดกำไรสุทธิช่วงปี 2564-2565 ไว้ประมาณ 260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 350% จากปีก่อน และ 317 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน ตามลำดับ