CMO ไม่หวั่นแคชฯ พุ่งต่อ 22% นลท.เก็งกำไร หวังงบปี 65 เทิร์นอะราวด์
CMO ไม่หวั่นแคชฯ หลังเพิ่งหลุดบ่วง พุ่งต่อ 22% คาดนลท.เข้าเก็งกำไรเรื่องของผลประกอบการปี 65 ที่บริษัทฯมั่นใจว่าจะกลับมาทำกำไรในปีนี้ได้อย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (2 ก.พ.2565) ราคาหุ้นบริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ณ เวลา 15:15 น. อยู่ที่ระดับ 13.10 บาท เพิ่มขึ้น 2.40 บาท หรือ 22.43% โดยทำจุดสูงสุดที่ 13.40 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 10.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 262.68 ล้านบาท
วันนี้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นร้อนแรงอีกครั้ง โดยไม่หวั่นตลาดหลักทรัพย์ฯจับเข้าข่ายมาตรการกำกับหุ้นร้อนทั้งที่เพิ่งหลุดออกมาไม่นาน หรืออาจเป็นการเข้าเก็งกำไรเรื่องของผลประกอบการปี 2565 คาดว่าจะเทิร์นอะราวด์
ขณะที่ก่อนหน้าทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เคยได้ประกาศให้ CMO เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 3 : ห้าม Net settlement, ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. – 25 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามจากวันที่ติดหุ้นเข้าข่ายมาตราการ Cash Balance ราคาหุ้นก็ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนครบกำหนดปลด Cash Balance โดยคาดนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการปี 2565 ซึ่ง CMO ได้เปิดเผยครั้งก่อนว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติเตรียมเสนอผู้ถือหุ้นออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 500 ล้านบาท เสนอขายกองทุนใหญ่จากสิงคโปร์ พร้อมลุยธุรกิจออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และ เทคโนโลยี ด้วยแผนนโยบายสร้างการเติบโตจากธุรกิจเดิมโดยมุ่งเน้นการเข้าไปลงทุนในกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อความรวดเร็วสร้างความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างก้าวกระโดด
สำหรับการออกหุ้นกู้แปลงสภาพในครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้สำหรับการลงทุนในธุรกิจที่ช่วยเสริมศักยภาพของ CMO ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดแบบยั่งยืนต่อไป โดยธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุนจะมีทั้งที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ รวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ทั้งนี้การทำธุรกิจต่อไปของ CMO ในอนาคตจะเน้นความเป็น End To End Experience ที่ทำครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีทั้งรูปแบบธุรกิจที่เป็น B to B และ B to C ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากการนำเงินไปลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ แล้ว ยังจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการด้านการเงินให้ CMO มีความสามารถในการดำเนินงานขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด และยังเป็นการช่วยลดต้นทุนทางการเงิน ซึ่งส่งผลต่อผลการดำเนินงาน และมั่นใจว่าบริษัทฯ จะกลับมาทำกำไรในปีนี้ได้อย่างแน่นอน