TU เด้ง 3% โบรกฯชี้กำไร Q4/64 เฉียด 2 พันลบ. อานิสงส์ยอดขายขยายตัวเด่น
TU เด้ง 3% โบรกฯชี้กำไร Q4/64 โต 36.64% แตะ 1.99 พันลบ. อานิสงส์ยอดขายขยายตัวเด่น จากแรงหนุนยอดขายกลุ่มธุรกิจ Frozen & Chilled Seafood ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (3 ก.พ. 2565) ราคาหุ้นบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ณ เวลา 14:49 น. อยู่ที่ระดับ 21.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 2.93% โดยทำจุดสูงสุดที่ 21.30 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 20.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 523.63 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ม.ค. 2565) โดยประเมินกําไรสุทธิในช่วงไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ระดับ 1,992 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.64% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.83% จากไตรมาสก่อน เติบโตตามยอดขายขยายตัวมาอยู่ที่ 37,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.43% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.87% จากไตรมาสก่อน รับแรงหนุนจากยอดขายกลุ่มธุรกิจ Frozen & Chilled Seafood ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการที่สหรัฐฯ และยุโรป Reopening ร้านอาหารสามารถกลับมาเปิดได้ตามปกติ และ กลุ่มธุรกิจ Petcare & Value-added ที่สามารถกลับมาดําเนินงานได้ปกติ ภายหลังจากไตรมาส 3/2564 ประสบปัญหามีการปิดโรงงาน Songkla Canning ราว 2 สัปดาห์
สำหรับช่วงถัดไปยังมีแรงหนุนจาก (1) จากโมเมนตัมการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจ Petcare & Value-added (2) แนวโน้มการฟื้นตัวการดําเนินงานของ Red Lobster ในปี 2565 (3) การนํากลุ่มธุรกิจจดทะเบียนในตลาด (TFM ในปีน 2564, i-tail ในปี 2565) และ (4) จากการลงทุนในธุรกิจที่มีความน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนใน Alternative Protein, เครื่องปรุงรส (RBF*), ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Zeavita ร่วมกับ IP*, ZEA ร่วมกับ Thai Bev) , บรรจุภัณฑ์ (ร่วมกับ SFLEX*) แนะนำราคาเป้าหมาย 25.50 บาท