SSP บวก 3% ลุ้นผลงานปีนี้นิวไฮ-รายได้โต 20% จ่อปิดดีล M&A ไตรมาส 1 หนุนรายได้-กำไรพุ่ง

SSP บวก 3% มั่นใจผลงานปี 65 นิวไฮ คาดรายได้โต 20% บุ๊กรายได้วินด์ฟาร์มเวียดนามเฟสแรก 48 เมกะวัตต์ เต็มปี จ่อปิดดีล M&A ในไตรมาส 1/65 หนุนรายได้-กำไรพุ่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(4 ก.พ.2565) บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP ปิดตลาดที่ระดับ 12.70 บาท 0.40 บาท หรือ 3.25%  ด้วยมูลค่าซื้อขาย 127.57 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้(10 ม.ค.65) นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP เปิดเผยว่า บริษัทจะมีผลการดำเนินงานในปี 2565 คาดจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ต่อเนื่องจากปี 2564 ที่คาดว่าจะมีกำไรดีกว่าปี 2563 ขณะที่ปี 2565 ตั้งเป้ารายได้จะเติบโต 20% เมื่อเทียบจากปี 2564 เนื่องจากในปี 2565 จะรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ในประเทศเวียดนาม เฟสแรก ขนาดกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ (MW) เข้ามาเต็มปี จากที่ผลิตไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) เมื่อช่วงปลายปี 2564

ขณะที่ความคืบหน้าการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม เฟสที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ ยังต้องรอสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศเวียดนาม ซึ่งในประเทศเวียดนามมีการล็อกดาวน์ไม่ให้เดินทางข้ามจังหวัด หรือต้องมีการกักตัว 14 วัน คาดว่าจะต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐเวียดนามก่อน

ด้านแผนการควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) ที่มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะมีปิดดีลในช่วงไตรมาส 1/2565 โดยน่าจะเข้ามาเสริมรายได้และกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญ จากก่อนหน้านี้ที่บริษัทเข้าลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท โนวา เอมไพร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOVA ซึ่งมีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อผลักดันให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือทะลุเป้าหมาย 400  เมกะวัตต์ ในปี 2566-2567 ซึ่งก็ใกล้จะทำได้ตามเป้าหมาย จึงอาจจะมีการปรับเพิ่มเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ หลังจากที่มีการแจ้งงบการเงินปี 2564 ในช่วงปลายเดือน ก.พ. 2565

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการดำเนินธุรกิจพลังงานสีเขียว หลังจากสถานะการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ก็น่าจะมีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตเหมือนกับในต่างประเทศ เช่น ในประเทศอินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา และมองโกเลีย เป็นต้น เพื่อที่จะผนึกกำลังลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงจนเหลือศูนย์ในปี 2593

ก่อนหน้านี้บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกประเภท เพื่อผลักดันให้การมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือทะลุเป้าหมายที่ระดับ 400 เมกะวัตต์ภายในปี 2567  โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ของบริษัท โนวา เอมไพร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOVA จำนวน 16,430,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 9.64 % ของหุ้นทั้งหมดในราคาหุ้นละ 10.35 บาท มีมูลค่ารวม 170,050,500 บาท

สำหรับ NOVA เป็นบริษัทที่มีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย แบ่งเป็นการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 44.85 เมกะวัตต์ ในสัดส่วน 26.25% และลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา กำลังการผลิต 7.825 เมกะวัตต์ ในสัดส่วน 100%

Back to top button