ดาวโจนส์ปิดลบหลังยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯร่วง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ของสหรัฐร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการอ่อนแรงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลง ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในสัปดาห์นี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (26 ต.ค.) ที่ 17,623.05 จุด ลดลง 23.65 จุด หรือ -0.13%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,034.70 จุด เพิ่มขึ้น 2.84 จุด หรือ +0.06% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,071.18 จุด ลดลง 3.97 จุด หรือ -0.19%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 27-28 ต.ค.นี้ โดยนักลงทุนต้องการหาสัญญาณว่า เฟดจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ลดลง 11.5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 468,000 ยูนิต โดยยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 555,000 ยูนิตในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด โดยเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.1% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.7% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 8.9% หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 3.2% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการ ขณะที่หุ้นซีร็อกซ์ คอร์ป ดิ่งลง 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่น้อยกว่าการคาดการณ์
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ราคาบ้านเดือนส.ค.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จาก Conference Board, ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์ รวมทั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เริ่มการประชุมนโยบายการเงินและกำหนดอัตราดอกเบี้ยวันแรก