BLA พุ่ง 6% ลุ้นเบี้ยประกันปี 65 โตรับศก.ฟื้น โบรกฯชูเป้า 50.50 บ.

BLA พุ่ง 6% ลุ้นเบี้ยประกันปี 65 โตรับศก.ฟื้น ประกันสุขภาพ-ยูนิตลิงค์หนุน โบรกฯชูเป้า 50.50 บ. มองรับประโยชน์แนวโน้ม Bond Yield สูงขึ้น และกำไร Q4/64 ฟื้นเด่น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (7 ก.พ. 2565) ราคาหุ้นบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA ณ เวลา 10:35 น. อยู่ที่ระดับ 46.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 5.71% โดยทำจุดสูงสุดที่ 47.00 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 44.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 270.54 ล้านบาท

นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLA เปิดเผยว่า ทิศทางเบี้ยประกันรับรวมปี 2565 จะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว แต่ผู้บริโภคมีความต้องการหลักประกันมากขึ้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงด้านโรคร้ายต่างๆ ส่งผลให้ความต้องการประกันด้านสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น

โดยในปี 2565 บริษัทฯ มองเห็นโอกาสของธุรกิจประกันชีวิต จากความต้องการประกันสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดจากแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง การรับรู้ข้อมูลการเจ็บป่วยและความยุ่งยากในการเข้ารับการรักษากรณีติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากสวัสดิการพื้นฐาน และความกังวลเกี่ยวกับโรคร้ายแรงต่างๆ ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจไทยที่เป็นบวก ขณะที่แนวโน้มเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield Curve) ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นโอกาสสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์และประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) อีกด้วย และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) จะช่วยสนับสนุนให้คนไทยมีความจำเป็นในการวางแผนการเงินเพื่อเกษียณมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้การหันมาขายประกันชีวิตของธุรกิจประเภทอื่นๆ ที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ ทำให้เกิดช่องทางการขายใหม่ๆ ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดี อาทิ ธุรกิจด้านโทรคมนาคม ธุรกิจออนไลน์ และธุรกิจอื่นๆ ที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ หรือสถาบันการเงินด้านอื่นๆ ที่ต้องการผลิตภัณฑ์การเงินแบบครบวงจร การลงทุน การออม และประกันภัยประกันชีวิต

ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เตรียมเพิ่มตัวแทนประกันชีวิตใหม่เพิ่มอีกอย่างน้อย 3,000 คน โดยมีตัวแทนประกันที่ทำงานเต็มเวลาคิดเป็นสัดส่วน 25-30% ของตัวแทนประกันชีวิตใหม่ จากปัจจุบันมีตัวแทนประกันอยู่ทั้งหมด 12,000 คน

โดยนายโชน กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัทและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต บริษัทจึงได้กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2565-2567) เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน (a journey towards sustainable future) โดยมุ่งเน้น 5 มิติหลักขับเคลื่อนสู่องค์กรแห่งความยั่งยืนซึ่งประกอบด้วย

1.Health บริการด้านสุขภาพที่เป็นเลิศ (Excellent Health Services) โดยมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกคน ซึ่งปัจจุบันมีแผนความคุ้มครองสุขภาพ ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย

2.Wealth ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เข้าใจได้ง่ายสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม

3.Digital Insurance ทุกกระบวนการรับประกัน ในรูปแบบดิจิทัล ภายใน 5 ปี ตั้งแต่กระบวนการขาย การออกกรมธรรม์ การบริการกรมธรรม์ และการต่ออายุกรมธรรม์ รวมไปถึงส่งเสริมการใช้งานดิจิทัลสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ โดยมีแอปพลิเคชันสำหรับลูกค้า BLA Happy Life App และ Bangkok Life GMC App

4.Channel การเพิ่มช่องทางการขาย มีคุณภาพและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและโอกาสทางการตลาด 5.Social Responsibility ขยายบทบาทและหน้าที่ต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม

สำหรับช่วง 11 เดือนแรกของปี 2564 เบี้ยประกันชีวิตรับรวมทั้งระบบอยู่ที่ 545,039 ล้านบาท เติบโต 2.56% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการเติบโตของกรมธรรม์ประกันสุขภาพ (Health Insurance) และประกันชีวิตควบการลงทุน(Unit-Linked) แบบชำระเบี้ยครั้งเดียว(Single premium)  สำหรับผลการดำเนินงานของกรุงเทพประกันชีวิต สามารถเติบโตได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวม

ด้านพอร์ตการลงทุนของบริษัทในปี 2565 ยังคงเน้นการลงทุนไม่แตกต่างจากปี 2564 มากนัก โดย 80% เป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกูเอกชน ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่นตราสารทุน และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Reit)

สำหรับมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกมองว่ายังมีความน่าสนใจ แม้ว่าจะมีความผันผวนมากยิ่งขึ้น จากทิศทางนโยบายทางการเงินทั่วโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบริษัทจะเน้นการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เน้นกลุ่ม Value stock มากกว่า Growth Stock

อย่างไรก็ตาม บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดว่า BLA จะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามการปรับขึ้นของ Bond Yield US 10 ปี แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ส่งผลดีต่อรายได้จากการลงทุน การตั้งสำรองเบี้ยประกันระยะยาวลดลง ด้านแนวโน้มผลประกอบการระยะสั้นไตรมาส 4/2564 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 2565 ตลาดคาดกำไรฟื้นตัวต่อเนื่องอีกราว 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน (4.6-4.7 พันล้านบาท) ขณะที่ Valuation ปัจจุบันยังถูกซื้อขายที่ระดับ PBV ที่ 1.50 เท่า ซึ่งต่ำกว่าในช่วงที่ Bond Yield เป็นขาขึ้น แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 50.50 บาท

Back to top button