นักลงทุนแห่ขาย 4 หุ้นอิเล็กฯ ร่วงหนัก! หวั่นกำไร Q4 ต่ำคาด-เฟดเร่งขึ้นดบ.

นักลงทุนแห่ขาย 4 หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ร่วงหนัก! หวั่นรายงานตัวเลขกำไรไตรมาส 4/64 ออกมาต่ำกว่าคาด-เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย ทำกำลังซื้อชะลอตัว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ณ เวลา 16.04 น. ราคาหุ้น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE อยู่ที่ 65.50 บาท ลบ 7.75 บาท หรือ 10.58% สูงสุดที่ 73.25 บาท ต่ำสุดที่ 65.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4.96 พันล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA อยู่ที่ 63.75 บาท ลบ6.50 บาท หรือ 9.25% สูงสุดที่ 70.25 บาท ต่ำสุดที่ 63 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.24 พันล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA อยู่ที่ 410 บาท ลบ 8 บาท หรือ 1.91% สูงสุดที่ 428 บาท ต่ำสุดที่ 408 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 985.29 ล้านบาท

ราคาหุ้น บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT อยู่ที่ 4.86 บาท ลบ 0.24 บาท หรือ 4.71% สูงสุดที่ 5.10 บาท ต่ำสุดที่ 4.86 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 46.81 ล้านบาท

ทั้งนี้ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ก.พ.2565) ว่า กำไรสุทธิของ KCE ไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ 701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ราว 4% และต่ำกว่าของนักวิเคราะห์ในตลาด 7%

อย่างไรก็ดีหากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรจากธุรกิจหลักจะอยู่ที่ 646 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ราว 12% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าที่คาดไว้ 4.2%

ทั้งนี้คาดว่าผลการดำเนินงานที่ต่ำคาดในไตรมาส 4/2564 เป็นการสะดุดเพียงชั่วคราว ในขณะที่บริษัทฯ ยังมีศักยภาพที่จะเกาะกระแส EVs โลกได้ ดังนั้นจึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” และประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 120 บาท อิงจาก PER ที่ 44 เท่า

ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (9 ก.พ.2565) มีมุมมองเป็นกลางต่อ KCE กำไรสุทธิที่ 701 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2564 ลบ. เพิ่มขึ้น 84% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน โดยมียอดขาย GPM เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิตและคำสั่งซื้อเติบโตรวมทั้งค่าเงินบาทอ่อนตัว ส่วนไตรมาส 1/2565 คาดกำไรสุทธิโตเมื่อเทียบจากปีก่อน ตามคำสั่งซื้อที่มีต่อเนื่อง แต่กำไรสุทธิจะลดเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ตามฤดูกาลที่มีวันหยุดทำให้การส่งออกน้อยลง

อนึ่งยังคงรอข้อมูลแนวโน้มธุรกิจเพิ่มเติมจากการประชุมนักวิเคราะห์ ซึ่งมีความกังวลว่าการลงทุนหุ้นเทคและหุ้นอิเลคทรอนิคส์อาจลดความร้อนแรงลง เนื่องจากมีความเสี่ยงราคาน้ำมัน/อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมีผลต่อกำลังซื้อของสินค้ากลุ่มนี้ และอาจต้องลดพีอีเป้าหมายลง ปัจจุบันให้ KCE เป็น top pick ของกลุ่ม แนะนำ Trading Buy ด้วยราคาเป้าหมาย 97 บาท ตามธีมอุตฯรถอีวียังโตได้อีกหลายปี โดยตั้งแต่ปี 2578 อียูจะเลิกผลิตรถเครื่องยนต์สันดาบ และตามด้วยประเทศสำคัญ เช่น สหรัฐและจีน ทำให้แนวโน้มการขยายตัวของรถอีวียังมีต่อเนื่อง

ส่วน บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น KCE ราคาเป้าหมาย 90 บาท ภาพรวมการประชุมมีปัจจัยกดดันระยะสั้น จากการขยายกำลังการผลิตใหม่ที่โรงงานลาดกะบัง (เสร็จธ.ค.2564 แต่มีปัญหาด้านการผลิตบ้าง เพราะเป็นสายการผลิตใหม่ โดย KCE สามารถรับรู้เงินชดเชยจากผู้ผลิตเครื่องจักรได้บางส่วน) และอยุธยา (คาดว่าจะติดตั้งเสร็จปลายเดือนก.พ.2565) ล่าช้าไปราว 2 เดือน ซึ่งเป็นปัจจัยกดดัน gross margin ในงวดไตรมาส 4/2564 และไตรมาส 1/2565

ทั้งนี้ KCE ยังตั้งเป้ารายได้รวม ปี 2565 เติบโต 20% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ gross margin ปี 2565 ที่ 30% ยังสอดคล้องกับประมาณการของฝ่ายวิจัย
โดยคาดรายได้รวมงวดไตรมาส 1/2565 จะเติบโตราว 5% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และ 17% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากคำสั่งซื้อที่ยังกีต่อเนื่อง และการปรับเพิ่มราคาขายได้ราว 3% สะท้อนต้นทุนทองแดงที่สูงขึ้น ซึ่งจะหนุนแนวโน้ม gross margin งวดไตรมาส 1/2565 ให้ฟื้นตัวจากงวดไตรมาส 4/2564 ได้เล็กน้อย โดยรวมแล้ว ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเติบโต 45% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากแนวโน้มรายได้รวมเติบโต 23% เมื่อเทียบจากปีก่อน และประสิทธิภาพการทำกำไรฟื้นตัวจึงยังแนะนำ “ซื้อ” ลงทุนระยะกลางถึงยาว

Back to top button