RICHY บวก 4% วางเป้ารายได้ปีนี้โต 65% ลุยผุด 4 โครงการใหม่ 6 พันลบ. แถมราคาต่ำบุ๊ก
RICHY บวก 4% วางเป้ารายได้ปีนี้โต 65% ลุยผุด 4 โครงการใหม่มูลค่า 6 พันลบ. แถมราคาต่ำบุ๊ก โดย ณ เวลา 16.16 น. อยู่ที่ระดับ 1.50บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (10 ก.พ.65) ราคาหุ้นบริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY ณ เวลา 16.16 น. อยู่ที่ระดับ 1.50บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท หรือ 4.17% โดยทำจุดสูงสุดที่ 1.51 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 1.43 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 110.57 ล้านบาท ด้วยมูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น 2.14 บาท
โดยก่อนหน้านี้ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร RICHY เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ประมาณ 65% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปัจจุบันมียอดขายรอโอนในมือกว่า (Backlog) จำนวน 2.40 พันล้านบาท ขณะที่โครงการสร้างเสร็จพร้อมขายกว่า 6.20 พันล้านบาท และหากรวมโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกจะทำให้มีโครงการในมือรวมมูลค่า 1.10 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ในปี 2565 จะเป็นปีที่ RICHY ครบรอบการดำเนินธุรกิจมาระยะเวลา 20 ปี เพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ จึงได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ โดยให้ส่วนลดสูงสุดในอัตรา 20% สำหรับลูกค้าทุกโครงการโดยให้ส่วนลดสูงสุดถึง 1,000,000 บาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจ และช่วยสนับสนุนการเพิ่มยอดขายให้กลับมาคึกคัก ผลักดันรายได้ให้เติบโตมากขึ้นอีกด้วย
“สำหรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาฯในปีนี้ ประเมินว่าน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนในสังคมเริ่มปรับตัวให้อยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้จะมีการกลายพันธุ์เกิดขึ้น แต่การใช้ชีวิตเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับภาวะปกติ ซึ่งทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางจะมากขึ้น แต่เป็นลักษณะการทยอยฟื้นตัวมากกว่า และเชื่อว่าอุตสาหกรรมอสังหาฯได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว” ดร.อาภากล่าว
ขณะเดียวกันในปี 2565 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการริชตัน พัฒนาการ สวนหลวง โครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์ยูโรเปี้ยน จำนวน 131 ยูนิต โครงการริชตัน ดอนเมือง เพิ่มสิน เป็นโครงการ ทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 163 ยูนิต และโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อีก 2 โครงการ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เปิดช่องทางการรับชำระเงินค่าสินค้าด้วยสกุลเงินดิจิทัล เพื่อนำมาต่อยอดจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังได้รับความนิยม และเป็นที่ยอมรับของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ อยู่แล้ว