LPH เทรดพรุ่งนี้เหนือจอง! โบรกฯชี้ P/E ต่ำสุดในกลุ่ม-ธุรกิจเติบโตมั่นคง
“โรงพยาบาล ลาดพร้าว” หรือ LPH พร้อมลงสนามพรุ่งนี้ (28 ต.ค.) ที่ราคา IPO 5 บ. โดยมี KGI เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ขณะที่ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมายที่ 5.60 บ./หุ้น โดยราคาจองมี P/E ต่ำสุดเทียบกับกลุ่ม ด้านผู้บริหารมั่นใจซื้อขายวันแรกเหนือจองแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์ ในวันพรุ่งนี้ (28 ต.ค.58) โดยมีทุนจดทะเบียน 750,000,000 หุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 375,000,000 บาท
ขณะที่บริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 200,000,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 5 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายอังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LPH เปิดเผยว่า การซื้อขายหุ้น LPH วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 28 ต.ค.58 มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน ทำให้สามารถยืนเหนือราคาจองที่ 5 บาทต่อหุ้นได้ จากการที่บริษัทฯประกอบธุรกิจสถานพยาบาล มีจุดเด่นทางธุรกิจโดยมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการบริหาร ธุรกิจโรงพยาบาลกว่า 22 ปี ด้วยศักยภาพทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีปัจจัยพื้นฐานดี จึงเชื่อว่าการเข้ามาระดมทุนในตลาดครั้งนี้ จะยิ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ LPH มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ต.ค.) แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” LPH ราคาเป้าหมายที่ 5.60 บาท/หุ้น โดยมีมุมมองของ P/E ปี 58 และ 59 เทียบกับ LPH ที่เราประเมินไว้ที่ 38.5 และ 33 เท่า ตามลำดับ ก็พบว่าอยู่ในช่วงที่ต่ำ สำหรับปี 58 ของ BDMS, BH, CHG เป็น 38.8, 44.3 และ 48.8 เท่า และปี 59 เป็น 32.9, 38.4 และ 40.7 เท่า ตามลำดับ ดังนั้นก่อนวันซื้อขาย (ยังเหลือวันนี้) กลายเป็นหลักทรัพย์ที่ถูกคือ BDMS และที่แพงคือ BH และ CHG ส่วน LPH ก็น่าสนใจ เพราะที่ราคาจองมี P/E ที่ต่ำสุดเทียบกับกลุ่ม
ขณะที่ บริษัทมีค่าเฉลี่ยเติบโตอยู่ที่ 15% แต่มองว่าปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายเพราะกำไรสุทธิของครึ่งปีแรก ปี 58 ทำได้เพียง 32 ล้านบาท เทียบกับตลอดปี 57 ที่มีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท หากจะให้ปีนี้กำไรสุทธิมีการเติบโตสูงกว่าปี 57 แปลว่ากำไรสุทธิในรอบครึ่งปีหลัง ปี 58 ต้องสูงกว่า 78 ล้านบาท แม้ว่าปกติในครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ไฮซีซั่นที่มีผู้ป่วยมาก ซึ่งเกิดขึ้นจากฤดูกาลที่หน้าฝนและหนาวมีโอกาสจะป่วยได้มากก็ตาม
โดยประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ทรงตัวจาดช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 100 ล้านบาท ส่วนปี 59 เป็น 115 ล้านบาท เพิ่ม 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) แบบ Fully Diluted จากจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO ที่ 750 ล้านหุ้นปี 58 และ 59 จึงเป็น 0.13 และ 0.15 บาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ ประเมินด้วย P/E เฉลี่ยปี 59 ของกลุ่มที่ 37.3 เท่า ที่ราคาจองมีส่วนเพิ่มได้ 12% แต่เนื่องจากเป็นหุ้นใหม่และตอนเปิดจองบริษัทเปิดเผยว่ายอดจองซื้อหุ้นเกินกว่า 26 เท่าของยอดที่จัดสรร จึงอาจทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้สูงกว่าปัจจัยพื้นฐานได้ในระยะสั้น
สำหรับรายละเอียดการจัดสรรหุ้นใหม่คือ LPH เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งสิ้น 200 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.67% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งก่อนหน้า IPO บริษัทมีทุนที่ออกจำหน่ายและเรียกชำระแล้ว มีจำนวน 275 ล้านบาท คิดเป็น 550 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
โดยหุ้นจำนวน 180 ล้านหุ้นได้เสนอขายต่อประชาชน และอีก 20 ล้านหุ้นเสนอขายให้กับกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ราคาเดียวกันกับราคา IPO ทั้งนี้กรรมการและผู้บริหารที่จองซื้อหุ้นจำนวนดังกล่าวมีความสมัครใจจะนำหุ้นมาฝากเพื่อห้ามขายทั้งจำนวนเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน