ECF พุ่งเฉียดซิลลิ่ง! ลุ้นรายได้ปี 65 โต 15% รับแผนขยายธุรกิจ “เฟอร์นิเจอร์-พืชเกษตร”
ECF พุ่งเฉียดซิลลิ่ง! รับแผนเพิ่มเครื่องจักรและปรับปรุงไลน์การผลิตหนุนคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศเพิ่ม พร้อมแตกไลน์ธุรกิจเพาะปลูกและจัดจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร หนุนเป้ารายได้ปีนี้โต 15%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ณ เวลา 11:08 น. อยู่ที่ระดับ 2.38 บาท บวก 0.48 บาท หรือ 25.26% สูงสุดที่ระดับ 2.42 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 649.02 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ECF เปิดเผยภาพรวมธุรกิจปีนี้ว่า บริษัทฯ มุ่งเน้นสร้างการเติบโตพร้อมเพิ่มความสามารถการทำกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และธุรกิจพลังงาน โดยตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 12-15% และตั้งงบลงทุน 50 ล้านบาท สำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เพื่อเพิ่มเครื่องจักรและปรับปรุงไลน์การผลิต รองรับปริมาณคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากการขยายตลาดของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทน คาดว่าจะเริ่มเห็นสัดส่วนกำไรสุทธิค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นจากการรับรู้รายได้เพิ่ม และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีนี้ ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีสัญญาณการเติบโตดีอย่างมีนัยสำคัญ จากการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไปต่างประเทศ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการทำงานในแบบ Work from home ตามรูปแบบการใช้ชีวิตใหม่ (New normal) ที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว ส่งผลให้ปริมาณคำสั่งซื้อลูกค้าต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนขยายตลาดในประเทศ มุ่งเน้นกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางจำหน่ายใหม่ สร้างความหลากหลายของช่องทางการจำหน่ายสินค้า ลดการพึ่งพิงเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่ง อาทิ จำหน่ายผ่านออนไลน์ ร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำที่มีสาขาทั่วประเทศ และเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่
ขณะที่ตลาดต่างประเทศยังสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประเทศอินเดีย อเมริกา จีน ญี่ปุ่น มีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามามากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่งผลให้บริษัทฯ วางแผนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อสินค้าถึงไตรมาส 2 ปีนี้ อีกทั้งยังมีกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มีศักยภาพอยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศอยู่ที่ 65% และในประเทศอยู่ที่ 35%
ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนที่ผ่านมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ เฟสแรก 50 MW เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯ คาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร เฟส 2 (50 MW) ภายในไตรมาส 3/2565 ส่วนเฟสที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างวางแผนเพื่อก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ส่งบริษัทย่อย บริษัท อีซีเอฟ โฮลดิ้งส์ จำกัด (ECFH) เข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล พร้อมจัดตั้งบริษัทย่อยเพิ่มเติม 1 แห่ง ประกอบธุรกิจการเพาะปลูกและจัดจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร เพื่อเป็นโอกาสที่จะสร้างแหล่งที่มาของรายได้ ผลักดันผลประกอบการของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ขณะที่ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติสำคัญในการพิจารณาและอนุมัติการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ โดยกำหนดชื่อบริษัทคือ บริษัท วีวี ริช จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจการเพาะปลูกและจัดจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร
โดยบริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยดังกล่าวต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมีทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 100 บาท