ไทย-กัมพูชา บรรลุข้อตกลงรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อส่งออกระหว่างกันแล้ว

นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกไทยและกัมพูชาสามารถรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของตนเองที่ส่งออกไประหว่างสองประเทศได้ หลังจากกัมพูชาได้เข้าร่วมโครงการนำร่องสำหรับการดำเนินการระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของภูมิภาค(โครงการที่ 1) ซึ่งเป็นไปตามความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน

ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศฯ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขึ้นทะเบียนและการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองตามความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2558 กำหนดให้ประเทศที่ผู้ส่งออกไทยสามารถใช้สิทธิการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองในโครงการที่ 1 ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน และกัมพูชา

สำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีคุณสมบัติในการขึ้นทะเบียนตามประกาศฯ พ.ศ.2558 ตามโครงการที่ 1 ซึ่งเป็นได้ทั้งผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้า สามารถรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองในเอกสารทางการค้าได้แก่ ใบกำกับสินค้า(Invoice) ใบเรียกเก็บเงินค่าสินค้า(B/L) ใบส่งปล่อยสินค้า(P/O) หรือใบรายการหีบห่อสินค้า(P/L) สำหรับการส่งออกไปกัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ และบรูไน ส่วนคุณสมบัติของผู้ประกอบการในการขึ้นทะเบียนตามโครงการที่ 2 ต้องเป็นผู้ผลิตสินค้าเท่านั้น สามารถรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองในใบกำกับสินค้า(Invoice) สำหรับการส่งออกไปอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สปป.ลาว และเวียดนาม

โดยขณะนี้มีผู้ขึ้นทะเบียนใช้สิทธิในการรับรองถิ่นกำเนิดด้วยตนเองกับกรมการค้าต่างประเทศรวม 121 ราย แบ่งเป็นผู้ใช้สิทธิในโครงการที่ 1 และ 2 จำนวน 138 ราย และ 47 ราย ตามลำดับ และมีมูลค่าการส่งออกในช่วงเดือนมกราคม-กันยายน 2558 ไปยังประเทศในโครงการที่ 1 จำนวน 250.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และประเทศในโครงการที่ 2 จำนวน 0.16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ