“ไทยฮั้วยางพารา” ยันเข้าตลาดหุ้นแน่นอน เผยอยู่ระหว่างเลือก FA

"ไทยฮั้วยางพารา" ผู้ดำเนินธุรกิจยางพารา ยืนยันแผนเข้าตลาดหุ้น เผยอยู่ระหว่างคัด FA คาดตัดสินได้ในปี 59 ระดมทุน IPO ไม่ต่ำกว่า 2 พันลบ.


นายกรกฎ กิตติพล ผู้จัดการการตลาดต่างประเทศ บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทยังยืนยันแผนงานที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากเลื่อนมาตั้งแต่ปี 55 โดยรอติดตามภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และภาวะตลาดยางให้กลับมาในระดับที่ดีอีกครั้ง ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างขั้นตอนการคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ที่มีการเจรจาอยู่ 3-4 ราย คาดว่าจะตัดสินใจได้ในปี 59

ทั้งนี้บริษัทคาดหวังจะระดมทุนจากการขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) วงเงินไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท เพื่อจะนำไปใช้ขยายกำลังการผลิตเป็น 1 ล้านตัน/ปี จากปัจจุบัน 6 แสนตัน/ปี นอกจากนี้ จะนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจปลายน้ำ โดยล่าสุดบริษัทได้เข้าร่วมทุนกับผู้ประกอบการจากจีนเพื่อผลิตยางรถยนต์ คาดว่าจะเริ่มมีรายได้เข้ามาในปี 59 และมีสัดส่วนรายได้ราว 2-5% ของรายได้รวม จากปัจจุบันรายได้ของบริษัทมีสัดส่วนมาจากยางแท่ง 60% ที่เหลืออีก 40% มาจากยางแผ่นและน้ำยาง

“เรายังยืนยันที่จะมีการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น แม้ว่าจะมีการเลื่อนออกมาจากปี 55 แต่ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจน ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนเราจะนำมาขยายธุรกิจ เพื่อให้มีการเติบโตต่อไป และทำธุรกิจปลายน้ำเพื่อเพิ่มมาร์จิ้น แต่ทั้งนี้การเข้าตลาดเราต้องดูเรื่องต่างๆ ทั้งภาวะตลาด และตลาดยางให้ดี ให้อยู่ในภาวะที่น่าสนใจมากขึ้น”นายกรกฎ กล่าว

ขณะที่ในปีนี้บริษัทคาดว่าปริมาณยอดขายยางจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 4.28 แสนตัน หลังจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปริมาณยางล้นตลาด ซึ่งบริษัทคาดว่าราคายางเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ 40 บาท/กิโลกรัม และในปี 59 ราคายางจะค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการเข้าสนับสนุนเกษตรกรจากภาครัฐในทุกๆพื้นที่ ประกอบกับ เกษตรกรบางรายได้เปลี่ยนอาชีพหรือตัดต้นยางเดิมทิ้งแล้วไม่ได้ปลูกใหม่มาทดแทน จะทำให้ปริมาณยางในตลาดลดลง เป็นส่วนช่วยให้ราคายางปรับตัวขึ้นได้ เบื้องต้นบริษัทคาดราคายางในปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 60 บาท/กิโลกรัม

สำหรับสินค้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) คาดว่าจะมีปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นจากตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) โดยบริษัทฯ มีโบรกเกอร์ คือ บริษัท แอ็กโกรว์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ซึ่งจะเข้ามาเป็นโบรกเกอร์ให้บริการซื้อขายสินค้าดังกล่าว รวมถึงเข้ามาเป็น market maker ด้วย 

ด้านนางสาวรินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีโบรกเกอร์จากฝั่ง AFET เข้ามาเป็นสมาชิกในตลาด TFEX อีก 3 ราย ได้แก่ บริษัท แอ๊กโกรว์เอ็นเตอร์ไพร์ส  จำกัด , บริษัท ดีเอส ฟิวเจอร์ส จำกัด และบริษัท อินฟินิตี้ เวลธ์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ซึ่งรายหลังจะเป็นโบรกเกอร์แบบ Full Licence ที่ซื้อขายสินค้าในตลาด TFEX ได้ทั้งหมด โดยทั้ง 3 บริษัทนี่จะเริ่มต้นให้บริการหลังจากยางแผ่นรมควันชั้น 3 เข้าซื้อขายในตลาด TFEX โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนรอลงพระปรมาภิไธย

สำหรับรายละเอียดของสัญญายางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ที่จะซื้อขายในตลาด TFEX 1 บัญชี สามารถซื้อขายได้ 10,000 สัญญา โดย 1 สัญญามีขนาด 5 ตัน และในสัญญาเดือนใกล้มากที่สุดจะซื้อขายได้ไม่เกิน 1,000 สัญญาต่อบัญชี โดยนักลงทุนที่ต้องการส่งมอบสินค้าจริงจะต้องระบุก่อนเทรด ส่วนนักลงทุนที่เข้ามาซื้อขายทั่วไปจะเป็นลักษณะการเก็งกำไรโดยไม่ต้องส่งมอบของจริง

Back to top button