SVI วิ่งแรง 19% รับกำไรปี 64 โตเท่าตัว! เคาะปันผล 0.23 บ.

SVI วิ่งแรง 19% รับกำไรปี 64 โตเท่าตัว ทะลุ 1.4 พันลบ. เคาะปันผล 0.23 บ. XD 5 พ.ค.65 กำหนดจ่าย 17 พ.ค.65


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI ณ เวลา 10:07 น. อยู่ที่ระดับ 8.60 บาท บวก 1.40 บาท หรือ 19.44% สูงสุดที่ระดับ 8.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.55 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 197.96 ล้านบาท

โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้ หลังรายงานกำไรปี 64 มีกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ดังนี้

ด้าน นายกริช ลี้ถาวร ผู้บริหารด้านการเงิน (Corporate M&A Executive) ของ SVI เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 (ตุลาคม-ธันวาคม) บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% และทำกำไรสุทธิ 574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 463% หากเทียบกับไตรมาส 4/2563 ที่มีรายได้รวม 3,698 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 102 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตก้าวกระโดด และช่วยผลักดันผลการดำเนินงานทั้งปี 2564ของ SVI สูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งบริษัทฯ

โดยทำรายได้รวมสูงถึง 17,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% และมีกำไรสุทธิ 1,408 ล้านบาท เติบโตถึง 105% เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานทั้งปี 2563 ที่มีรายได้รวม 15,282 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 686 ล้านบาท

ทั้งนี้ ความสำเร็จของการดำเนินงานครั้งนี้ มาจากแผนยุทธศาสตร์ทางธุรกิจของ SVI ที่มุ่งขยายตลาดผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในอุตสาหกรรม 5G เช่น อุปกรณ์ที่ใช้ส่งสัญญาณความเร็วสูงสำหรับ 5G หรือ Optical transceiver กล้องวงจรปิดที่รองรับเทคโนโลยี AI ป้ายราคาอัจฉริยะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์อัจฉริยะและขนส่งสาธารณะ เป็นต้น ซึ่งความต้องการในผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการเติบโตสูงมากในตลาดโลกส่งผลให้ SVI มียอดขายเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน SVI ยังบริหารจัดการด้านต้นทุนและซัพพลายเชนในการจัดซื้อวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงเจรจาปรับราคาสินค้ากับคู่ค้าได้ ทำให้อัตรากำไรสุทธิปี 2564 เพิ่มเป็น 8.1% จากปีก่อนอยู่ที่ 4.5% และมีอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เพิ่มเป็น 0.65 บาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อนอยู่ที่ 0.30 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2564 (มกราคม-ธันวาคม) ในอัตรา 0.23 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 495 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้

นายกริช กล่าวว่า การดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตรายได้ 24,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% โดยมีแผนการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพิ่มศักยภาพฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการให้ฐานการผลิตในกัมพูชาและไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าที่มีวอลุ่มสูงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ป้อนความต้องการในภาคอุตสาหกรรม 5G รองรับแผนขยายตลาดไปยังประเทศสหรัฐฯ เพิ่มเติม จึงลงทุนเพิ่มพื้นที่ฐานการผลิตที่โรงงานประเทศกัมพูชาเป็น 35,000 ตารางเมตรจากเดิมที่มี 10,000 ตารางเมตร

ขณะที่ฐานการผลิตที่ประเทศสโลวาเกียจะเพิ่มพื้นที่การผลิตเป็น 11,000 ตารางเมตร จากเดิม 6,500 ตารางเมตร รองรับการทำตลาดผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์อัจฉริยะในภาคพื้นยุโรป

พร้อมกันนี้ บริษัทยังมุ่งบริหารจัดการด้านต้นทุนและซัพพลายเชนให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อบริหารความเสี่ยงจากการขาดแคลนชิปอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นแรงกดดันอุตสาหกรรมฯ และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิปอิเล็กทรอนิคส์ลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตและเริ่มทยอยเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ไปตั้งแต่ปีที่ผ่านมา คาดจะสามารถเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์อย่างเต็มกำลังในครึ่งหลังปี 2565 ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงและเพิ่มความสามารถการทำกำไรที่ดีให้แก่บริษัทฯ

Back to top button