XO โบรกเชียร์ซื้อปรับกำไรปี 65 โตต่อทะลุ 483 ลบ. เคาะเป้าใหม่ 23 บ. อัพไซด์สูง 19%
XO ผลงานปี 64 กำไรนิวไฮแตะ 462 ลบ. ลุ้นปี 65 โตต่อทะลุ 483 ลบ. โบรกแนะซื้อเคาะเป้าใหม่ 23 บ. อัพไซด์สูง 19%
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (22 ก.พ.65) ว่า บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO กำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 เท่ากับ 108 ล้านบาท (โต 13.7%เทียบไตรมาสก่อนหน้า, โต 30.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) หากไม่รวม FX Loss 3 ล้านบาท จะมีกำไรปกติเท่ากับ 111 ล้านบาท (โต 19.4% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, โต 30.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ดีกว่าคาด 10% (คาดไว้ 101 ล้านบาท) เป็นกำไรที่กลับมาฟื้นไตรมาสก่อนหน้า หลังปัญหา Packaging Shortage คลี่คลายจนกลับสู่ภาวะปกติ
แม้จะยังมีปัญหาสายเรือหายากอยู่บ้าง แต่ โดยรวมยังบริหารจัดการได้ดี ทำให้รายได้ไตรมาสนี้ โต 9.6% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, โต 21% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และด้วยอัตราการใช้กําลังการผลิตกลับมาสูงขึ้น ช่วยหนูให้อัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ใน ระดับสูงที่ 43.5% ใกล้เคียงไตรมาส 3/2564 และไตรมาส 4/2563
ขณะที่ค่าใช้จ่ายถือควบคุมได้ดีกว่า คาดทรงตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้า ที่ 54 ล้านบาท ทั้งที่เริ่มรับรู้ค่าเสื่อมราคาของออฟฟิศใหม่ที่เพิ่ง Renovate แล้วเสร็จ ทำให้ SG&A to Sales ลดลงเป็น 14.5% จาก 15.7% ในไตรมาส 3/2564 และ 16% ใน ไตรมาส 4/2563 จบปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 462 ล้านบาท (โต 45.2%) ถือเป็นกำไรสูงสุดใหม่
แนวโน้มยังดีต่อเนื่องในปี 2565 และผลกระทบจาก Inflation ค่อนข้างจํากัด ระยะสั้นคาดรายได้ไตรมาส 1/2565 อาจฟื้นต่อเนื่องเป็น 370-400 ล้านบาท ยังต่ำกว่าเป้าหมาย ของผู้บริหารที่ระดับ 400-450 ล้านบาท ต่อไตรมาสเล็กน้อย จากปัญหาสายเรือ และขึ้นอยู่ กับการวางแผนการตลาดของลูกค้า เบื้องต้นคาดกำไรไตรมาส1/2565 น่าจะโตต่อเนื่อง เทียบไตรมาสก่อนหน้า และเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดหวังเห็นการฟื้นตัวดีตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 ผู้บริหารยังตั้งเป้าการเติบโตของ รายได้ในปี 2565 ราวโต 10%-15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับ XO ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่เรา กังวลต่อปัญหา Inflation ค่อนข้างน้อย มีเพียงราคาน้ำตาลปรับขึ้น 5%-10% (ต้นทุน นํ้าตาลคิดเป็น 6% ของต้นทุน) และปัจจุบันได้ล็อกราคาวัตถุดิบยาวครอบคลุมถึงสิ้น ปี 2565 แล้ว สำหรับต้นทุน Packaging ได้ปรับขึ้นราว 10% (ต้นทุนกล่องคิดเป็น 4% ของต้นทุน) สถานการณ์รวมยังอยู่ในประมาณการของเรา
โดยยังคงสมมติฐาน อัตรากำไรขั้นต้นปี 2565 ที่ 44.2% ลดลงจาก 44.8% ในปี 2564 แต่ปรับเพิ่มรายได้ ปี 2565 เป็นโต 8.5% จากเดิม 6% จึงปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 2565 ขึ้น 3% เป็น 483 ล้านบาท (โต 4.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 23 บาท จากเดิม 20 บาท (ถึง PE เดิม 20 เท่า) ราคาหุ้นปรับลงจนมี Upside กว้างขึ้นเป็น 18.6% และจ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี 2564 หุ้นละ 0.41 บาท Yield 2% ปรับคําแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ จากเดิม ถือ