ดอลล์แข็งค่าระหว่างรอแถลงการณ์เฟด คาดส่งสัญญาณขึ้นดบ.
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนต่างรอดูแถลงการณ์จากการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งจะเสร็จสิ้นลงในวันนี้ ตามเวลาสหรัฐ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1040 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1046 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5307 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5347 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.32 เยน จาก 121.05 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9862 ฟรังก์ จาก 0.9835 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7195 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7249 ดอลลาร์
เฟดได้เริ่มเปิดฉากการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วันเมื่อวานนี้ และจะเสร็จสิ้นลงในวันนี้ โดยคาดกันว่าจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในแถลงการณ์หลังการประชุม ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2559
ส่วนเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนต่างมีความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากที่มีรายงานว่าเรือรบลำหนึ่งของกองทัพเรือสหรัฐได้ลาดตระเวณใกล้กับเกาะเทียมที่จีนสร้างขึ้นในบริเวณทะเลจีนใต้ ซึ่งจุดปะทุความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เรือรบสหรัฐชื่อ USS Lassen รุกล้ำเข้าไปใกล้ซูปี รีฟ ของหมู่เกาะหนานชา ในทะเลจีนใต้อย่างผิดกฎหมาย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีน ด้านนายลู่ กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเปิดเผยในแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า การกระทำของสหรัฐเป็นการคุกคามอำนาจอธิปไตยและผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของจีน ก่อให้เกิดอันตรายต่อสถานที่และบุคลากรด้านความมั่นคงในบริเวณดังกล่าว และเป็นภัยต่อเสถียรภาพและสันติภาพระดับภูมิภาค
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อคืนนี้ต่างออกมาในเชิงลบ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของสหรัฐ
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงในเดือนต.ค. หลังจากดีดตัวขึ้นในเดือนก.ย. โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลงสู่ระดับ 97.6 ในเดือนต.ค. หลังแตะระดับ 102.6 ในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ บริษัทมาร์กิต อิโคโนมิคส์ ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.4 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในปีนี้ จากระดับ 55.1 ในเดือนก.ย. หลังจากที่พุ่งแตะ 56.1 ในเดือนส.ค. ขณะที่ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 55.5 ในเดือนต.ค.