UBE ดีด 6% ลุ้นรายได้ปีนี้ 7.40 พันลบ. เน้นสินค้า “ปลายน้ำ” มูลค่าสูงดันยอดขายโต
UBE ดีด 6% ลุ้นรายได้ปีนี้โต 15-20% แตะ 7.40 พันลบ. หลังมีแผนปรับพอร์ตธุรกิจขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่มีมูลค่าสูง เพื่อผลักดันยอดขาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (3 มี.ค. 2565) ราคาหุ้น บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE ณ เวลา 16:14 น. อยู่ที่ระดับ 2.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท หรือ 5.50% โดยทำจุดสูงสุดที่ 2.32 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 2.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 306.36 ล้านบาท
นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ UBE เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้ปี 2565 เติบโตราว 15-20% มาอยู่ที่ 7,400 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 6,966.70 ล้านบาท โดยมีแผนปรับพอร์ตธุรกิจขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่มีมูลค่าสูง เพื่อผลักดันยอดขาย ขณะที่ปีนี้วางเป้ายอดขายแป้งออร์แกนิค (Organic Starch) ไว้ที่ 53,000 ตัน จากปีก่อนทำได้ 42,442 ตัน ขณะที่แป้งฟลาว (Flour) อยู่ที่ 10,000 ตัน จากปีก่อน 199 ตัน
ทั้งนี้ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฟลาวมันสำปะหลัง เจาะตลาดคนแพ้กลูเตน (Gluten-free) ภายใต้แบรนด์ Tasuko วางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์และในร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ ซึ่งได้ผลตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคที่ดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังขยายสู่การผลิตและจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรที่มีมูลค่าสูง (High Value Product หรือ HVP) ชนิดอื่นๆ เช่น กาแฟอินทรีย์ (Organic Coffee) และข้าวอินทรีย์ (Organic Rice) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรประเภทอื่นๆ โดยมุ่งมั่นสร้างสรรค์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มีมูลค่าสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ (Premium Agricultural Products) เพื่อให้องค์กรเติบโตไปพร้อมกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของภาครัฐ และแนวโน้มความต้องการอาหารเพื่อสุขภาพของโลก
อีกทั้งบริษัทฯ ยังวางเป้ารายได้ภายใน 3 ปี (2565-2567) จะเติบโตแตะ 10,000 ล้านบาท โดยการเติบโตจะมาจากธุรกิจแป้งเป็นหลัก โดยเฉพาะแป้งออร์แกนิค และแป้งฟลาว ตามเทรนด์ที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้นของผู้บริโภค ส่งผลต่อกำไรก่อนจะหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย, ภาษี, ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจแป้งในปี 2567 น่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 65% จากปีก่อนอยู่ที่ 13% และธุรกิจเอทานอล ลดลงเหลือ 30% จากเดิม 81% ส่วนธุรกิจออร์แกนิค (Organic agricultural Business) จะอยู่ที่ 5% ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนอยู่ที่ 6%
อย่างไรก็ดีบริษัทฯ วางงบลงทุนรวมปีนี้ไว้ราว 1,400-1,500 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการขยายกำลังการผลิต ในส่วนฟลาวมันสำปะหลัง (Flour Line2) ราว 400-500 ล้านบาท และอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท รองรับแผนการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อกิจการ (M&A) และร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรจำนวน 2 ราย ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับข้าวออร์แกนิค, สารให้ความหวาน และผลิตภัณฑ์เบเกอรี่และขนมหวาน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในไตรมาส 3/2565
พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังมีแผนในการลดต้นทุนเข้าลงทุนในโซลาร์ลอยน้ำ กำลังการผลิต 2.8 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนพลังงานได้ปีละกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ปีนี้