CHOW แรงต่อ 23% จ่อบุ๊กเงิน 4 พันลบ. หลังปิดดีลขาย “โซลาร์ญี่ปุ่น” 60 MW
CHOW พุ่งต่อ 23% หลังปิดดีลขายโครงการโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่น กำลังผลิตรวม 60 เมกะวัตต์ คาดได้เงินเข้ากระเป๋ากว่า 4 พันล้านบาท หลังหักเงินกู้สินเชื่อโครงการ ฟากผู้บริหาร “ศุภชัย” แย้มเดินหน้าขยายธุรกิจในออสเตรเลีย-ญี่ปุ่น-ไทยต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ณ เวลา 10:05 น. อยู่ที่ระดับ 6.65 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 23.15% สูงสุดที่ระดับ 6.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 68.62 ล้านบาท
นายศุภชัย ยิ้มสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบริหาร CHOW เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น เจแปน จำกัด (PSJP) และบริษัท อาร์ไอซีไอ อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสต์เมนต์ จำกัด (RICI) ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทย่อยของ CHOW ที่ถือหุ้น 87.36% ผ่านบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ CEPL บรรลุผลเป็นที่เรียบร้อยแล้วในการดำเนินการจำหน่ายบริษัทย่อยที่จดทะเบียนในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ในประเทศญี่ปุ่น คิดเป็นมูลค่ารายการทั้งหมดไม่น้อยกว่า 14,000 ล้านเยน หรือเท่ากับ 4,114 ล้านบาท ให้กับกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในญี่ปุ่น ซึ่งมูลค่ารายการดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าสุทธิของกิจการ (Enterprise Value) ทั้งหมดประมาณ 33,000 ล้านเยน หรือเทียบเท่ากับ 9,699 ล้านบาท ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมติอนุมัติของประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นที่จำหน่ายให้กับกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศญี่ปุ่นดังกล่าว ประกอบด้วย โครงการอิวากิ ขนาด 26.68 เมกะวัตต์ โครงการฮามาดะ 1 ขนาด 11.00 เมกะวัตต์ โครงการฮามาดะ 2 ขนาด 12.00 เมกะวัตต์ โครงการอาโอโมริ ขนาด 7.21 เมกะวัตต์ และโครงการขนาดเล็กกำลังการผลิตต่ำกว่า 2.4 เมกะวัตต์ รวมกันอีกหลายโครงการ
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ CHOW GROUP จะเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ในทันที ซึ่งรวมถึงการชำระคืนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยจำนวนกว่า 7,469 ล้านบาท สะท้อนให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) และภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ CHOW GROUP มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ยังส่งผลให้บริษัทมีฐานทุนที่มากขึ้น ในการขยายการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนต่อผู้ถือหุ้น ซึ่งในปี 2565 บริษัทมีเป้าหมายขยายธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องอีกหลายโครงการ และเป็นไปตามแผนธุรกิจของบริษัทที่วางไว้ตั้งแต่ต้น