WORK เด้งแรง 7% รับข่าว MAJOR เข้าถือหุ้น เสริมแกร่งผลิตคอนเทนท์ป้อน “เน็ตฟลิกซ์”

WORK ดีดแรง 7% รับข่าว MAJOR เข้าถือหุ้น 5% โบรกฯชี้เสริมแกร่งผลิตคอนเทนท์ป้อน “เน็ตฟลิกซ์” หนุนต่อยอดอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบันเทิงด้านการผลิตคอนเทนท์มากขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK ณ เวลา 10:23 น. อยู่ที่ระดับ 26.75 บาท บวก 1.85 บาท หรือ 7.43% สูงสุดที่ระดับ 27.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 25.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 59.04 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น WORK ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลัง บริษัท เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เปิดเผยว่า ณ วันที่ 15 มีนาคม 2565 บริษัทได้ถือหุ้น WORK จำนวน 22,100,000 หุ้น ซึ่งเป็นการทยอยซื้อหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามราคาซื้อในตลาด อยู่ระหว่างช่วงราคา 22.41 ถึง 25.75 บาทต่อหุ้น คิดเป็นราคาซื้อในตลาดเฉลี่ย 23.66 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นการถือหุ้นใน WORK เท่ากับ 5.0049% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ WORK โดยบริษัทคาดว่าจะถือหุ้นใน WORK ไม่เกิน 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ WORK โดยไม่ได้เข้าไปบริหารจัดการต่อโครงสร้างบริษัทของ WORK หรือกำหนดนโยบายการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด

สำหรับการถือหุ้น WORK ดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจ และเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบันเทิงด้านการผลิตคอนเทนท์มากขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สร้างโอกาสในการลงทุนและการพัฒนากระบวนการดำเนินงาน

พร้อมกันนี้บริษัทมุ่งมั่นในการพัฒนา และเตรียมความพร้อมในการนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย รวมถึงการสร้างนวัตกรรมที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรอบด้าน ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท

ด้านบทวิเคราะห์ของ บล.กรุงศรี ระบุว่า MAJOR เพิ่งเข้าซื้อหุ้น 5% (22 ล้านหุ้น) ใน WORK ต้นทุนเฉลี่ย 23.66 บาทต่อหุ้นมูลค่า 522 ลบ. เทียบเท่า PE ปี 2565 ที่ 22 เท่า ซึ่งสมเหตุสมผล และ MAJOR เข้าซื้อหุ้น TKN 5% (69 ล้านหุ้น) ต้นทุนเฉลี่ย 7.82 บาทต่อหุ้นมูลค่า 539 ลบ. หรือ PE ปี 2565 ที่ 30 เท่า และ PE ปี 2565 ที่ 24 เท่า ซึ่งไม่แพงเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ PE 53 เท่า

โดย WORK จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในการผลิตคอนเทนท์เพื่อฉายใน Netflix ซึ่ง WORK และ MAJOR เคยผลิตภาพยนตร์ร่วมกันมาก่อน ส่วน TKN จะผลิตป๊อบคอร์นให้ MAJOR ด้วยต้นทุนที่ดีขึ้น รายได้จากป๊อบคอร์น อยู่ในส่วนรายได้ขายสินค้า (concession revenue) ซึ่งเติบโต 8% จากปีก่อน เทียบกับรายได้ค่าเข้าชมภาพยนตร์ลดลง -16% จากปีก่อน ในปี 64 และรายได้ขายสินค้ามีสัดส่วน 53% ของรายได้รวมในปี 64 เพิ่มจาก 36% ใน 62 บริษัทมีแผนในการขายปอบคอร์นนอกโรงภาพยนตร์ในปีนี้

ทั้งนี้ความผันผวนของกำไร TKN จะไม่กระทบ MAJOR เนื่องจากจะรับรู้กำไรของ TKN ทางรายได้เงินปันผล คาด MAJOR พลิกเป็นกำไรในปี 65 เราคงคาดการณ์กำไร 762 ล้านบาท ในปี 65 พลิกจากขาดทุน 800 ล้านบาท ในปี 64 จากการดำเนินงานกลับสู่ปกติหลังจากมีข้อบังคับเกี่ยวกับโควิดในปีที่ผ่านมา ยังไม่รวมผลจากการผลิตคอนเทนท์ให้ Netflix และโครงการป๊อบคอร์นทั้งในแง่รายได้และการประหยัดต้นทุนในโมเดลของเรา  คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 26 บาท MAJOR ยังเป็นหุ้นในธีมกำไรฟื้นตัวจากความกังวลโควิด หุ้นมีผลตอบแทนปันผลที่ดี 4-6% MAJOR ประกาศจ่ายปันผล 0.6 บาทต่อหุ้น (XD 21 เม.ย.) เทียบเท่าผลตอบแทน 3% สำหรับเวลาการถือ 2 เดือน

Back to top button