NDR บวกแรง 6% นิวไฮรอบ 8 เดือน ลุยผลิตจักรยานยนต์ไฟฟ้า MYRA รับมาตรการหนุน EV
NDR บวกแรง 6% นิวไฮรอบ 8 เดือน ลุยผลิตจักรยานยนต์ไฟฟ้า MYRA ปีนี้แตะ 5 พันคัน รับมาตรการรัฐหนุนใช้รถ EV พร้อมตั้งเป้ายอดขายรวมเช่ารถปีนี้ 5 พันคัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (24 มี.ค. 2565) ราคาหุ้น บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR ณ เวลา 11:33 น. อยู่ที่ระดับ .50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 6.06% โดยทำจุดสูงสุดที่ 3.56 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 3.32 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 84.36 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮในรอบ 8 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 3.50 บาท เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2564
โดยก่อนหน้านี้(14 มี.ค.65)นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยถึงการลงทุนโดยถือหุ้นใน บริษัท อีทราน (ประเทศไทย) จํากัด 35% ว่า ในปี 2565 บริษัท อีทรานฯ มีแผนผลิตจักรยานยนต์ไฟฟ้า MYRA รุ่น 1,1.5 และ 2 รวม 5,000 คัน โดยเริ่มผลิตตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 เพื่อจำหน่าย พร้อมตั้งเป้ายอดขายและเช่ารถ MYRA ปีนี้ที่ 5,000 คัน แบ่งเป็นยอดขายรถ 60-70% ที่เหลือเป็นยอดเช่ารถ จากปัจจุบันรายได้ของบริษัท อีทรานฯ ยังมาจากการให้เช่ารถเป็นหลักอยู่ที่ 200-300 คัน ซึ่งมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ของภาครัฐนั้นแม้ไม่ได้ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง แต่จะทำให้ผู้ซื้อได้ประโยชน์เพราะรัฐให้ส่วนลดจากราคาขาย และหันมาใช้รถ EV มากขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทเช่นกัน
สำหรับภาพรวมการจำหน่ายยางนอก และยางในรถจักรยานยนต์ของ NDR ปีนี้เชื่อว่ารายได้จากการขายจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 841 ล้านบาท เพราะประเมินว่าผลการดำเนินงานของสาขาทั้งไทยและมาเลเซียจะฟื้นตัวจากปี 2564 ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ขณะที่ปีนี้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเริ่มผ่อนคลายลง โดยรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศให้ประชาชนปรับตัวใช้ชีวิตร่วมกับโควิด ทำให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องต้นทุนวัตถุดิบที่มีความผันผวน คาดการณ์ได้ยาก โดยเฉพาะปัจจุบันที่เกิดสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นและกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบอื่นที่ใช้น้ำมัน รวมทั้งค่าขนส่ง ซึ่งส่งผลต่อบริษัทย่อยในมาเลเซียด้วยเพราะจะทำให้ค่าขนส่งจากไทยไปมาเลเซียสูงขึ้น โดยบริษัทต้องรอดูคู่แข่งด้วยว่ามีการปรับราคาสินค้าขึ้นหรือไม่ หากไม่ปรับ ก็อาจทำให้การขายทำได้ยากขึ้น และบริษัทต้องกระตุ้นการซื้อด้วยการจัดโปรโมชั่นมากขึ้น อัตรากำไรขั้นต้น (GP) ของบริษัทจะลดลง นอกจากนี้บริษัทจะใช้กลยุทธ์การปรับพอร์ตสินค้า ด้วยการขายสินค้าที่มี GP มากขึ้น และลดการขายสินค้าที่ GP น้อย เพื่อไม่ให้กระทบต่อรายได้มากนัก
นายชัยสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวโน้มการใช้ยางในลดลงว่า บริษัทเห็นแนวโน้มดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว จากการเป็นเจ้าตลาดการจำหน่ายยางในในประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีการใช้สินค้าที่ไม่ใช้ยางในมากขึ้นเรื่อย ๆ และเห็นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในไทยมาหลายปีแล้วเช่นกัน ซึ่งบริษัทเองได้ปรับตัวด้วยการลดการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจยางในมาประมาณ 4-5 ปีแล้ว และหันมาเน้นการทำยางนอกมากขึ้นและกำลังผลักดันให้เป็นรายได้หลักต่อไปในอนาคต ส่วนกรณีที่บริษัททำการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) NDR-W2 ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนนั้น บริษัทมีแผน นำเงินไปลงทุนด้านรถ EV เป็นหลัก