HL พุ่งแรง 13% “ออลไทม์ไฮ” มั่นใจรายได้ปีนี้โตเกิน 10% ลุยผุดสาขาใหม่ 10 แห่ง

HL พุ่งแรง 13% “ออลไทม์ไฮ” มั่นใจรายได้ปีนี้โตเกิน 10% ลุยผุดสาขาใหม่ 10 แห่ง พร้อมเร่งพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่-ขยายฐานสมาชิก และเพิ่มช่องทางการขาย เจาะตลาดในไทย-ต่างประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 มี.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL  ณ เวลา 16:18 น. อยู่ที่ระดับ 26.00 บาท บวก 3.00 บาท หรือ 13.04% โดยทำจุดสูงสุดที่ระดับ 26.00 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 22.80 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 105.42 ล้านบาท ราคาหุ้นสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2564

โดยก่อนหน้านี้(13มี.ค.65) ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HL เปิดเผยว่า  ปี 2565 รายได้รวมจะเติบโตมากกว่า 10% จากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 1,216 ล้านบาท ตามการขยายตัวของสาขาใหม่ และฐานสมาชิกประจำที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และเพิ่มรายการผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกกลุ่มอายุ ซึ่งใน 3-5 ปีนับจากนี้ยังมุ่งขยายสาขาใหม่ต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนตามนโยบายของ HL ซึ่งรวมถึงการขยายตลาดในต่างประเทศด้วย

โดยแผนดำเนินงานไตรมาส 1/2565 บริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่ 1 แห่ง ภายในเดือน มี.ค. 2565 ซึ่งจะทำให้มีสาขาให้บริการรวมเพิ่มเป็น 27 สาขา จากปัจจุบันมี 26 สาขา ภายใต้แบรนด์ iCaer, Phamax, Vitaminclub และ Super Drug ขณะที่ในช่วงเดือน ม.ค. 2565 ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ขยายตัว 22% และเดือน ก.พ. 2565 ยอดขายสาขาเดิมขยายตัวถึง 38% ซึ่งได้แรงสนับสนุนจากการเปิดสาขาใหม่ในปี 2564 จำนวน 3 สาขา ทำให้มีการสะสมฐานลูกค้าสมาชิกประจำปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 140,000 ราย

รวมทั้งได้ผลบวกจากเทรนด์การรักสุขภาพของผู้บริโภค ทำให้ยอดขายผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรม เพื่อสุขภาพ กว่า 26 รายการภายใต้แบรนด์ PRIME มียอดขายต่อเดือนค่อนข้างสูงมาก ล่าสุด มียอดขายอยู่ที่ 5 ล้านบาทต่อเดือน อีกทั้งร้านขายยาของเครือ HL ยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อย และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ส่วนเงินเฟ้อไม่ได้กระทบต่อต้นทุนของยา

ขณะเดียวกัน ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2565 ได้พิจารณาปรับแผนการขยายสาขาใหม่เร็วขึ้น จากเดิมที่วางแผนภายในปี 2565-2567  ขยายสาขาใหม่ 4-5 สาขาต่อปี โดยในปี 2565 เตรียมเปิดสาขาใหม่ 10 สาขา ซึ่งเซ็นสัญญาไปแล้ว 7 แห่ง แบ่งเป็น เปิดบริการในไตรมาส 1/2565 จำนวน 1 สาขา เปิดบริการในไตรมาส 2/2565 จำนวน 4 สาขา  เปิดบริการในไตรมาส 3/2565 จำนวน 2 สาขา และที่เหลือจำนวน 3 สาขา จะเปิดบริการในไตรมาส 4/2565 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพราะมีมูลค่าการตลาดที่สูง

ทั้งนี้การเปิดสาขาใหม่จะมีร้านขนาดกลาง 80-150 ตารางเมตร (ตร.ม.) จำนวน 8 สาขา จะใช้งบลงทุน 2-3.75 ล้านบาทต่อสาขา และร้านขนาดใหญ่ 150-300 ตารางเมตร  จำนวน 2 สาขา จะใช้งบลงทุน 3.75-6 ล้านบาทต่อสาขา นอกจากนี้ยังเร่งเพิ่มพัฒนารายการสินค้านวัตกรรมใหม่มากขึ้นภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เพื่อเจาะตลาดในประเทศไทย และต่างประเทศ พร้อมทั้งขยายช่องการการจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ PRIME และ BESUTO 2. บริษัท เฮลทิเนส จำกัด ที่ HL ถือหุ้นในสัดส่วน 100% นอกกลุ่มบริษัทอีกด้วย ซึ่งในปี 2565 ประเมินว่าจะมียอดขาย “เฮลทิเนส” เติบโตเท่าตัวจากปีก่อน และช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่ดี  เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง ส่วนการเปิดสาขาใหม่น่าจะมีการคืนทุนได้ภายใน 6 เดือน -1 ปี  อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนการทำสัญญาเช่าเป็นระยะยาวมากขึ้น เพื่อลดการอัตราการปิดสาขาในอนาคตให้น้อยลง รวมทั้งมั่นใจว่ายอดขายสาขาเดิมเฉลี่ยทั้งปี 2565 จะยังเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก

 

Back to top button