JMT แรลลี่ยาว พุ่งอีก 6% “ออลไทม์ไฮ” โบรกชู “ท็อปพิค” กลุ่มบริหารหนี้ฯ-อัพเป้าใหม่ 103 บ.

JMT แรลลี่ยาว! พุ่งอีก 6% “ออลไทม์ไฮ” โบรกชู “ท็อปพิค” กลุ่มบริหารหนี้ฯ-ลุ้นปีนี้กำไรแตะ 2.3 พันลบ. แนะซื้ออัพเป้าใหม่ 103 บ. โดย ณ เวลา 10:28 น. อยู่ที่ระดับ 73.50 บาท บวก 4.00 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(29มี.ค.65)ราคาหุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน)  หรือ JMT ณ เวลา 10:28 น. อยู่ที่ระดับ 73.50 บาท บวก 4.00 บาท หรือ 5.76% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 688.69 ล้านบาท ราคาหุ้นสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2555

ด้านบล.เมย์แบงก์ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(29 มี.ค.2565) ว่า JMT แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 103.00 บาท โดยประเด็นการลงทุนแนวโน้มกำไรยังเป็นลักษณะใกล้เคียงกับในอดีต โดยงวดไตรมาส 1/2565 อาจอ่อนตัวตามปัจจัยฤดูกาล ทว่ายังรักษาอัตราเติบโตสูงเทียบ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนไว้ได้ ก่อนที่จะขยายตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้า ในช่วงที่เหลือของปี

ที่สำคัญกว่านั้นในครึ่งแรกปี 2565 ให้น้ำหนักพัฒนาการของการร่วมทุนรับรู้รายได้ใน JV กับธนาคารพาณิชย์ (KBANK) ที่กำลังเกิดขึ้นใน 2-3 เดือนข้างหน้า การเข้าซื้อที่ชิงความได้เปรียบในการแข่งขัน และเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตของกำไรเฉลี่ย (CAGR) 43% ใน 2 ปีข้างหน้า ปรับราคาเหมาะสมขึ้น 30% เป็น 103 บาทต่อหุ้น ยังคงเลือก JMT เป็น Top pick สำหรับกลุ่มบริหารหนี้ฯ (AMC) ที่การเติบโตโดดเด่นเทียบภายในกลุ่มการเงิน

สำหรับปี 2564 บริษัททำกำไรสถิติใหม่ที่ 1,400 ลบ. โต34% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้เผชิญการ lockdown การเพิ่มทุน ในช่วงปลายปีเพื่อเตรียมรุกในช่วง NPL ในระบบเป็นขาขึ้น ผู้บริหารตั้งเป้าขยายพอร์ตหนี้ฯ ด้วยงบลงทุนไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ 10,000 ลบ. (ใกล้เคียงกับที่เรามอง โดยไม่รวมส่วนเพิ่มจากกการทำ JV) และยอดเก็บเงินสด 5,000 ลบ. โต 10%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม vs ประเมินไว้ 6,000 ลบ. โต 31%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เบื้องต้นประเมินกำไรไตรมาส 1/2565  ราว 430 ลบ. ลดลง 10% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, โต 52% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น % ของประมาณกำไรปี 2565 เป็นจุดต่ำสุดของปีก่อนจะขยายตัวตามพอร์ตหนี้เก่า-ใหม่

จากข้อมูลงบการเงิน ณ สิ้นปีที่ผ่านมา KBANK มี NPL คิดเป็นมูลหนี้ราว 1 แสนลบ. โดยยังไม่ รวมหนี้ที่ถูกกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SML หรือ Stage 1-2) ที่อาจไหลมาเป็น NPL อีกเกือบเท่าตัว ตามที่ S&P Ratings ประเมิน การเร่งโอนหนี้เสียเข้า JV จะเป็นรูปแบบที่ win-win ที่กำลังจะ เกิดขึ้นในไตรมาส 2/2565 และรับรู้กำไรในไตรมาส3/2565 ที่พร้อมจะทำ All time high เราประเมินทุกเงินลงทุน ใน JV 10,000 ลบ. จะสร้าง Upside risk ต่อกำไรตามสัดส่วน (50%) ราว 225 ลบ./ปี หรือโต 7% บนฐานกำไรปี 2566 (+6.43 บ./หุ้น อิง P/E 40x) ทั้งนี้หากโมเดลข้างต้นสำเร็จจะเป็นตัวอย่าง ให้กับธนาคารพาณิชย์อื่นในครึ่งหลังปี 2565 ที่อยู่นอกเหนือประมาณการของเรา

โดยประเมินกำไรสุทธิปี 2565-66 เท่ากับ 2,324 และ 3,465 ลบ. โต 66% และ 49% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ ตอกย้ำภาพของหุ้นที่ อยู่ Growth stage ยังคงชัดเจน แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาอยู่บน P/E65 40% ณ ระดับ +2SD ทว่าเมื่อรวม Upside risk จาก JV ส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อกำไรที่จะเพิ่มขึ้นใน 12-18 เดือนข้างหน้า รวมถึงความสม่ำเสมอบนกระแสเงินสดจากฐานลูกหนี้ที่ทนทานต่อปัจจัยลบ ภายนอกได้ ทำให้ราคาจะสามารถยืนสูงได้ต่อ ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2566 เป็น 103 บ./ หุ้นอิง 40x ในปี 2566 สะท้อน PEG 0.93x บนการเติบโต (CAGR’64-66) +43% ต่อปี

Back to top button