JTS ดีด 3% เล็งนำเงินขายหุ้นกู้ ต่อยอด “เหมืองขุดบิตคอยน์” ดันครบ 8.1 พันเครื่องปีนี้

JTS ดีด 3% เล็งนำเงินขายหุ้นกู้ ต่อยอด “เหมืองขุดบิตคอยน์” หวังดันครบ 8.1 พันเครื่องปีนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการในการขุดบิตคอยน์เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านTerrahash/s และสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (31 มี.ค. 2565) ราคาหุ้นบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ณ เวลา 11:29 น. อยู่ที่ระดับ 368 บาท เพิ่มขึ้น 10 บาท หรือ 2.79% โดยทำจุดสูงสุดที่ 374 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 356 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 210.75 ล้านบาท

นายดุสิต ศรีสง่าโอฬาร กรรมการผู้จัดการ JTS เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2565 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติการออกและเสนอขาย “หุ้นกู้มีประกันของบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน” ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน จำนวนรวมไม่เกิน 3,000 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,000 ล้านบาท เสนอขายให้กับผู้ลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายใหญ่ (PP-II&HNW)

ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าว อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.25% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ เปิดจองซื้อวันที่ 4-5 และ 7 เม.ย. 2565 ผ่านผู้จัดการการจําหน่ายหุ้นกู้ ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบีเอสที บล.คิงส์ฟอร์ด บล.บียอนด์ บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) บล.สยามเวลธ์ และ บล.เอเอสแอล

สำหรับวัตถุประสงค์ในการใช้เงิน เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินงานเหมืองขุดบิตคอยน์ และชําระหนี้ให้สถาบันการเงิน

โดยก่อนหน้านี้ นายดุสิต กล่าวว่า แผนการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ในปี 2565 จะทำให้จำนวนเครื่องขุดของบริษัทรวมอยู่ที่ 8,100 เครื่อง โดยมีระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 3,300 ล้านบาท หลังจากในปี 2564 บริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด (JasTel) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทได้เข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ (Bitcoin Mining) ซึ่งได้มีการอนุมัติการจัดซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์ที่มีพลังประมวลผลสูง (Total Hash Rate) จำนวน 1,725 เครื่อง พร้อมระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ จำนวนรวมทั้งสิ้น 437.31 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนเพิ่มเติมในปี 2565 ดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการในการขุดบิตคอยน์เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านTerrahash/s จะทำให้กลุ่มบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์รายใหญ่สุดในประเทศไทย โดยจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว

ขณะที่ธุรกิจออกแบบและวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม และธุรกิจจัดหา ออกแบบและวางระบบคอมพิวเตอร์ ยังเป็นธุรกิจหลักที่ทางกลุ่มบริษัทตั้งเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เป็นนิติบุคคลขนาดใหญ่ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider) ฯลฯ

ขณะเดียวกัน JTS แจ้งถึงความเสี่ยงสำคัญของการเสนอขายหุ้นกู้ ดังนี้ 

1.ความเสี่ยงจากการใช้พลังงานมหาศาลในการขุดเหมือง Bitcoin ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการขุดเหมือง Bitcoin ใช้พลังงานมหาศาลในการขุด ซึ่งการใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมากเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนและเป็นมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ และอาจไม่เป็นไปตามหลักการการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึง Environment, Social และ Governance (ESG)

2.ความเสี่ยงจากการลงทุนและบริหารจัดการธุรกิจเหมืองขุด Bitcoin โดยการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้มีจุดประสงค์หลักในการลงทุนในธุรกิจเหมืองขุด Bitcoin ซึ่งธุรกิจเหมืองขุด Bitcoin มีปัจจัยสำคัญที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ เช่น มูลค่าของ Bitcoin หรือจำนวนแฮชรวมของเครือข่าย หรืออัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการดําเนินงานและรายได้จากธุรกิจของบริษัท

3.ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา Bitcoin จากข้อมูลย้อนหลัง 6 ปี พบว่าราคาของ Bitcoin นั้นมีความผันผวนสูง โดยมีการเปลี่ยนแปลงต่อวันสูงสุดที่ 60.09% อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากเหรียญ Bitcoin ไม่มีมูลค่าพื้นฐานที่ชัดเจน ส่งผลให้รายได้และกระแสเงินสดจากธุรกิจเหมืองขุด Bitcoin มีความผันผวนที่สูงตามมา ซึ่งมีผลต่อสภาพคล่องหรือการจ่ายชําระหนี้ของบริษัทอีกต่อหนึ่ง

4.ความเสี่ยงจากความแตกต่างของกระแสเงินสดจากธุรกิจเหมืองขุด Bitcoin และอายุของหุ้นกู้ (Mismatch Funding) ปี 2568 บริษัทจะต้องชําระหนี้หุ้นกู้ 4,000 ล้านบาท หากเสนอขายได้จํานวนทั้งหมด แต่กําไรของธุรกิจเหมืองขุด Bitcoin อาจจะไม่เพียงพอต่อการชําระหนี้ อาจเกิดปัญหาในการชําระหนี้และถือเป็นความเสี่ยงจากการใช้เงินลงทุนที่ไม่สอดคล้องกับกระแสเงินสดที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดําเนินงาน

5.ความเสี่ยงจากการขาดเงินทุนระยะยาว แม้ปัจจุบันบริษัทจะไม่มีเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินหรือแหล่งเงินทุนอื่น โดยวงเงินส่วนใหญ่ที่มีเป็นวงเงินกู้ยืมระยะสั้น อย่างไรก็ตามหากบริษัทมีผลการดําเนินงานในธุรกิจเหมือง Bitcoin ที่ตํ่ากว่าเป้าหมาย อาจส่งผลต่อการขยายธุรกิจเหมืองขุด Bitcoin เพิ่มเติม รวมถึงกระแสเงินสดจากการดําเนินของบริษัทอาจไม่เพียงพอต่อการชําระหนี้ของหุ้นกู้

6.ความเสี่ยงจากการดํารงอัตราส่วนทางการเงิน เนื่องด้วยบริษัทมีหน้าที่ดํารงอัตราส่วน IBD/E ตามข้อกําหนดสิทธิ ไม่เกิน 5:1 เท่า โดยหากสามารถเสนอขายหุ้นกู้ได้ทั้งหมด จะทําให้อัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นใกล้กับระดับที่ต้องดํารงไว้ตามข้อกําหนดสิทธิ ซึ่งหากไม่สามารถดํารงอัตราส่วนดังกล่าวไว้ได้จะทําให้เข้าเหตุการณ์ผิดนัดชําระหนี้ตามข้อกําหนดสิทธิ และอาจทําให้หนี้หุ้นกู้ถึงกําหนดชําระโดยพลัน

7.ความเสี่ยงต่อมูลค่าหลักประกัน ในกรณีที่ออกหุ้นกู้ได้ไม่เกิน 1,900 ล้านบาท หากการดําเนินธุรกิจของบริษัทไม่เป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ หุ้นสามัญ JTS ที่เป็นหลักประกันของบริษัทเพียงอย่างเดียวย่อมสะท้อนผลการดําเนินงานผ่านมูลค่าหุ้นสามัญของบริษัท ซึ่งอาจมีมูลค่าลดตํ่าลงอย่างมากและไม่ครอบคลุมต่อมูลค่าหุ้นกู้

8.ความเสี่ยงจากการที่ผู้ออกหุ้นกู้อาจใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกําหนดไถ่ถอน (Reinvestment Risk) ผู้ถือหุ้นกู้มีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถคาดการณ์กระแสเงินสดรับจากหุ้นกู้ที่แน่นอนได้ และมีความเสี่ยงที่จะเสียโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงจากการลงทุนในหุ้นกู้ที่เสนอขายหากผู้ออกหุ้นกู้ใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกําหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดตํ่ากว่าอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้

อีกทั้งในกรณีที่สามารถออกได้เกิน 1,900 ล้านบาท จะมีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เป็นหลักประกันร่วมกับหุ้นสามัญ JTS ซึ่งการบังคับหลักประกันที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อาคาร เพื่อจํานองในกรณีที่บริษัทผิดนัดชําระหนี้ยังคงมีความเสี่ยงของมูลค่าหลักประกันที่อาจลดลงจากการขายทอดตลาด เนื่องจากการบังคับจํานองขายทอดตลาดจําเป็นจะต้องพิจารณาถึงสภาวะตลาด อุปสงค์และอุปทานของที่ดิน และปัจจัยอื่นๆ อีกจํานวนมาก มูลค่าที่ขายทอดตลาดจึงอาจมีมูลค่าตํ่ากว่ามูลค่าของหนี้หุ้นกู้หรือไม่มีผู้ซื้อ

ทั้งนี้ ความเสี่ยงสําคัญเป็นเพียงความเสี่ยงส่วนหนึ่งของหุ้นกู้ชุดนี้ นักลงทุนควรพิจารณารายละเอียดของหุ้นกู้และความเสี่ยงทั้งหมดของหุ้นกู้ผ่านร่างหนังสือชี้ชวนหุ้นกู้อย่างละเอียดรอบคอบก่อนทําการลงทุน

Back to top button