ICN พุ่งกระฉูด 14% จ่อเซ็นงานใหม่เพิ่มอีก 500 ลบ. Q1 นี้ ดันแบ็กล็อกพุ่ง 1.5 พันลบ.
ICN พุ่งกระฉูด 14% จ่อเซ็นงานใหม่เพิ่มอีก 500 ล้าน ไตรมาส 1/65 คว้า 3 โครงการ NT มูลค่า 177 ลบ. ดันแบ็กล็อกพุ่ง 1.5 พันลบ. ปักธงรายได้ปีนี้โต 20%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (31 มี.ค.2565) ราคาหุ้นบริษัท อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส จำกัด (มหาชน) หรือ ICN ปิดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 5.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 13.59% โดยทำจุดสูงสุดที่ 6.00 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 5.15 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 230.75 ล้านบาท
นายมนชัย มณีไพโรจน์ ประธานกรรมการบริหาร ICN เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามสัญญากับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT จำนวน 3 สัญญา มูลค่ารวม 177.18 ล้านบาท ประกอบด้วย เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2565 บริษัทได้ลงนามสัญญาขยายระบบ DEA รองรับลูกค้า NT1 Roaming ณ ชุมสายกรุงเกษม และชุมสายพระโขนง มูลค่า 36.49 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีระยะเวลาดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายใน 240 วัน นับถัดจากวันที่ลงนามสัญญา และรับประกัน 1 ปี
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2565 บริษัทได้ร่วมกับบริษัท แนท คอนเซาท์ติ้ง จำกัด ในนาม “กิจการค้าร่วม ไอเอ็น” ได้ลงนามสัญญางานจ้างบำรุงรักษาอุปกรณ์ในโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ (Zone C+) กลุ่มที่ 1 (ภาคเหนือ 1) ส่วนที่ 2 การจัดให้มีบริการสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Service) และกลุ่มที่ 2 (ภาคเหนือ 2) และกลุ่มที่ 3 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ส่วนที่ 2 การจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet Service) เพื่อให้บริการแก่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มูลค่า 78.64 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดย ICN มีสัดส่วนมูลค่า 55.96 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) คิดเป็นสัดส่วน 71.17% ของมูลค่าโครงการ กำหนดแล้วเสร็จภายใน 1 ปี
รวมทั้งสัญญางานจ้างบำรุงรักษาเครือข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสง บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ หมู่บ้านในพื้นที่ชายขอบ (Zone C+) กลุ่มที่ 2 (ภาคเหนือ 2) และกลุ่มที่ 3 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เพื่อให้บริการแก่ สำนักงาน กสทช.มูลค่า 62.05 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดย ICN มีสัดส่วนมูลค่า 39.35 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) คิดเป็น 63.42% ของมูลค่าโครงการ กำหนดแล้วเสร็จภายใน 1 ปี
ทั้งนี้ จากการได้ลงนามในสัญญาดังกล่าว ทำให้บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ในปี 2565 มากกว่า 50% ของมูลค่าดังกล่าว ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปีถัดไป ประกอบกับในช่วงไตรมาส 1/2565 บริษัทคาดว่าจะได้ลงนามในสัญญาเพิ่มเติมอีกหมายโครงการ มูลค่ารวมประมาณ 500 ล้านบาท อาทิ ธุรกิจ Digital Healthcare มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท และธุรกิจ Smart City มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท เป็นต้น ดังนั้นบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2565 เติบโต 20% จากปีก่อน