NCH บวก 3% ลุ้นยอดขาย Q1 ทะลุ 1 พันลบ. รับศก.-กำลังซื้อฟื้น! ปักธงทั้งปีแตะ 4.6 พันลบ.

NCH บวก 3% ลุ้นยอดขาย Q1 ทะลุ 1 พันลบ. รับศก.-กำลังซื้อฟื้น! ปักธงทั้งปีแตะ 4.6 พันลบ. เล็งเปิด 5 โครงการ มูลค่า 4.5 พันลบ. ย้ำเป้ารายได้ปีนี้ 2.5 พันล้านท ตุนแบ็กล็อก 657 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(4เม.ย.2565) ราคาหุ้นบริษัท เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH  ณ เวลา 10:46 น. อยู่ที่ระดับ 1.98 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 3.12% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 52.95 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮรอบ 2 เดือนโดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 1.99 บาท เมื่อวันที่ 24 ม.ค.2565

โดยก่อนหน้านี้(16 มี.ค.65)  นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ NCH เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขาย (Presale) ในช่วงไตรมาส 1/2565 น่าจะทำได้ในระดับกว่า 1,000 ล้านบาท มาจากการขายโครงการเดิมที่มีในมือทั้งหมด ซึ่งหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคฟื้นตัว

โดยยอดขายในช่วงเดือน มกราคม 2565 ทำได้แล้วที่ประมาณ 300-400 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าระดับปกติที่จะอยู่ในช่วงประมาณ 200-300 ล้านบาท ขณะที่ในเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยอดขายยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการออกแคมเปญในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ทั้งตรุษจีน และวาเลนไทน์ เป็นต้น ส่วนในเดือน มีนาคมนี้ ยอดผู้เข้าชมโครงการ (Walk in) ก็ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าแนวโน้มยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 น่าจะเข้ามาประมาณ 45% ของยอดขายรวมทั้งปีที่วางเป้าไว้ระดับ 4,600 ล้านบาท ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังจะมีสัดส่วนยอดขายที่ประมาณ 55% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี ซึ่งตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป บริษัทจะเริ่มทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้

สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,500 ล้านบาท บริษัทจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 2/2565 จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการ THEO ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ ขณะที่ไตรมาส 3/2565 จะเปิดตัวโครงการ NEOLA รังสิต-คลอง 2 จำนวน 1 โครงการ และในไตรมาส 4/2565 จะเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ

ส่วนยอดโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงไตรมาส 1/2565 บริษัทเชื่อว่าจะสามารถทำได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการทยอยส่งมอบโครงการตามยอดขาย และเชื่อว่ารายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งปี 2565 จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 2,500 ล้านบาท โดยเบื้องต้นคาดว่าในปีนี้จะทยอยส่งมอบโครงการเพื่อรับรู้รายได้ไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาทต่อไตรมาส

นายสมนึก กล่าวอีกว่า ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 657 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีสินค้าพร้อมขาย (Inventory) มูลค่ารวม 5,094 ล้านบาท จาก 16 โครงการที่อยู่ระหว่างการขายและพัฒนา ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะรองรับการขายและรายได้ในปีนี้

ขณะที่แผนการลงทุนในปี 2565 บริษัทวางงบไว้ที่ประมาณ 800-1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการจัดซื้อที่ดินแปลงใหม่ ซึ่งราคาที่ดินเฉลี่ยประมาณ 200-300 ล้านบาทต่อแปลง โดยในนี้ปีนี้บริษัทจะมุ่งขยายโครงการในทำเลใหม่ ๆ จึงลงทุนซื้อที่ดินใหม่ในโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก หรือที่เชื่อมเกี่ยวกัน จากเดิมที่ขยายในโซนตะวันตกเป็นส่วนมาก

Back to top button