BCP บวก 3% โบรกเชียร์ซื้อเป้า 45 บ. รับค่าการกลั่น-น้ำมันพุ่ง ลุ้นกำไร Q1 โตเด่น
BCP บวก 3% โบรกเชียร์ซื้อเป้า 45 บาท รับอานิสงค่าการกลั่น-น้ำมันพุ่ง ลุ้นกำไร Q1/65 โตเด่น ทั้งปีนี้แตะ 3.4 พันลบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(5เม.ย.2565) ราคาหุ้น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ณ เวลา 11:06. อยู่ที่ระดับ 30.50 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 3.39% ด้วยมูลค่าซื้อขาย78.05 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (FSSIA) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้น” ออกอากาศทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 ว่า สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน หากมองในทางเศรษฐกิจจะแย่ลง เนื่องจากราคาพลังงานปรับขึ้น ทั้งน้ำมันและก๊าซฯ รวมทั้งอาหารและปุ๋ยที่แพงขึ้น แต่หากมองในด้านผลบวก จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันที่จะได้รับประโยชน์จากค่าการกลั่น (GRM) ที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยมองว่าโรงกลั่นฯ ที่พ่วงสถานีบริการน้ำมัน จะรับประโยชน์มากที่สุด จึงเลือกบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เป็น Top pick ในกลุ่ม
ทั้งนี้เนื่องจากมองว่า ESSO และ BCP ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นฯ พ่วงสถานีบริการน้ำมัน สามารถจำหน่ายน้ำมันที่กลั่นเองได้ ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันในประเทศที่เติบโตขึ้นอย่างมากทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซล ขณะที่น้ำมันอากาศยาน (เจท) จะทยอยฟื้นตัว คาดว่ามีโอกาสเห็นราคาหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นฯ ปรับขึ้นครั้งใหญ่ 20-30% ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ดังนั้นแนะนำ “ซื้อสะสม” ตอนราคาย่อตัวลง โดย ESSO ขณะนี้ราคาอยู่ที่ 8-9 บาท และคาดว่าจะไม่หลุด 8 บาท ให้ราคาเป้าหมาย 12-12.5 บาท ขณะที่ BCP จากราคาปัจจุบัน 30 บาท ให้ราคาเป้าหมาย 36-40 บาท
ทั้งนี้การเลือกหุ้นโรงกลั่นฯ ซึ่งอยู่ขั้นปลายการผลิต มองว่าอยู่เหนือกลุ่มต้นน้ำจากคาดการณ์ความต้องการที่สูงขึ้นเหนือกำลังการผลิตทั้งฝั่งน้ำมัน และผลิตภัณฑ์น้ำมัน โดยมองว่าราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2565-2567 จะอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐ, 90 เหรียญสหรัฐ และ 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ
นอกจากนี้ยังปรับเพิ่มค่าการกลั่นสิงคโปร์ขึ้นประมาณ 11-17% ในปี 2565-2567 เป็น 10 เหรียญสหรัฐ, 8 เหรียญสหรัฐ และ 7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ จากเดิมที่คาด 9 เหรียญสหรัฐ, 7 เหรียญสหรัฐ และ 6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ ดังนั้นจึงเลือก ESSO และ BCP เป็นหุ้น Top pick จากหุ้นโรงกลั่นทั้งหมดในไทย
ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (23 มี.ค.2565) ว่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP คาดกำไรปกติปี 2565 ราว 3,430 ล้านบาท (ลดลง 58% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ลดลงหลักๆเพราะ ไม่มี stock gain ก้อนใหญ่ เหมือน 2563 แต่หากพิจารณา core operation จะฟื้น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หลายธุรกิจฟื้นตัว
1) ธุรกิจโรงกลั่นที่ค่าการกลั่นฟื้นมาที่ 6.3 เหรียญ/บาร์เรล (โต 35% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ได้ความต้องการใช้น้ำมันที่ฟื้นต่อเนื่องหนุน 2) ธุรกิจสำรวจ/ E&P (ทรัพยากรธรรมชาติ) จากแหล่งใหม่ และ 3) ธุรกิจไฟฟ้ามีกำลังการผลิตใหม่ในญี่ปุ่นหนุน และระยะสั้นมองกำไรไตรมาส 1/2565 เพิ่มเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากค่าการกลั่นฟื้น และธุรกิจ E&P อัตรากำไรเพิ่ม
ด้าน Valuation: ราคาหุ้นยังคง laggard กลุ่ม โดย PBV 0.8 เท่า Vs. กลุ่ม 0.9-1.2 เท่า ได้รับประโยชน์จาก Geopolitical risk ทั้งธุรกิจสำรวจและผลิต และธุรกิจโรงกลั่น (จาก stock gain) ซึ่งราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็น upside risk ต่อประมาณการ และภาพระยะกลาง-ยาว demand น้ำมันสำเร็จรูปหนุนค่าการกลั่นสูงขึ้น แนะนำซื้อเป้า 45 บาท