YGG วิ่ง 4 วันพุ่ง 13% รับแผนปีนี้เปิดตัว 2 เกมใหม่-โปรเจกต์แกรนด์โดร่า โบรกอัพเป้า 14 บ.
YGG แรลลี่ 4 วันพุ่ง 13% รับแผนปี 65 เปิดตัว 2 เกมใหม่-โปรเจกต์ “แกรนด์โดร่า” ภายใต้ธีม Metaverse ดันยอดขาย-มาร์จิ้นโต โบรกอัพเป้า 14 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (7 เม.ย. 2565) ราคาหุ้นบริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG ณ เวลา 15:11 น. อยู่ที่ระดับ 12.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 3.39% โดยทำจุดสูงสุดที่ 12.20 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 11.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 239.24 ล้านบาท
ทั้งนี้ราคาหุ้น YGG ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง 4 วันติดนับตั้งแต่ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 10.80 บาท เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2565 คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.40 บาท หรือคิดเป็น 12.96%
นายศรุต ทับลอย ประธานกรรมการฝ่ายปฏิบัติการ YGG เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2565 ซึ่งยังเติบโตต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งธุรกิจเกมและอินโนเวชั่น งานโฆษณาและภาพยนตร์ รวมทั้งภาพยนตร์แอนิเมชั่น โดยทุกธุรกิจของบริษัทฯ จะเดินไปสู่ธุรกิจต้นน้ำมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการเพิ่มทั้งยอดขายและมาร์จิ้นของบริษัทฯ ให้ขยับสูงขึ้น
โดยหลังจากที่บริษัทฯ ได้เปิดตัวเกม Home Sweet Home Survive ในปีผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาเกมดังกล่าวไปสู่การเล่นบนแพลตฟอร์มสมาร์ทโฟน ขณะที่ความร่วมมือกับ Zookeeper ในการพัฒนาเกม Zooracers รูปแบบ Play-to-earn มีความคืบหน้าไปกว่า 50% นอกจากนี้บริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างพัฒนาเกมใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวภายในปีนี้อีกอย่างน้อย 2 เกม และเตรียมปล่อยบิ๊กเซอร์ไพรซ์ EPIC โปรเจคยักษ์ “แกรนด์โดร่า (Grandora)” ซึ่งจะเปิดตัวบนบล็อกเชน (Blockchain) ภายใต้ธีม Metaverse
“ธุรกิจเกมในปีนี้ถือว่ารุกหนักมาก เกมเก่าก็ได้พัฒนาไปเรื่อยๆ ในหลายแพลตฟอร์ม พร้อมทั้งเตรียมพัฒนาเกมใหม่ๆ ป้อนสู่ตลาด ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จมาก สะท้อนจากรายได้ปี 2564 ที่ธุรกิจเกมโตก้าวกระโดดมาก เพิ่มขึ้นจากปี 63 จำนวน 50.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 299.4% ปีนี้ก็ยังเติบโตต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจอื่นๆ ทั้งภาพยนตร์โฆษณาและแอนิเมชั่น YGG ก็รุกไปสู่ต้นน้ำมากขึ้น ทำให้มาร์จินของเราในทุกธุรกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ฐานะทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น“ นายศรุต กล่าว
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมเกมในตลาดโลก ที่มีมูลค่าสูงถึง 6.6 ล้านล้านบาท ซึ่งปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจเกมในตลาดโลกมีมูลค่ามหาศาล มาจากช่องทางการเข้าถึงเกม ที่มีความหลากหลายมากขึ้น มีแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับธุรกิจเกม เช่น บล็อกเชน NFT หรือ เหรียญคริปโทฯ รวมทั้งรูปแบบของเกมในปัจจุบันได้มีการพัฒนาไปสู่การสร้างรายได้ (Play-to-earn) จึงดึงดูดผู้เล่นในทุกช่วงอายุ ทำให้ตลาดเกมกว้างและลึกมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจของ YGG ที่เติบโตไปตามเทรนด์ของตลาดโลก
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (4 เม.ย.2565) ว่า YGG มีแผนที่จะเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจจากการรับจ้างผลิตไปเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มตัวเอง ผ่านการสร้างใบอนุญาตทรัพย์สินทางปัญญา (IP) โดยในปี 2564 บริษัทขยายกำลังการผลิตด้านดิจิทัลผ่านบริการการผลิตเสมือนจริง ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับสตูดิโอรายใหญ่ของประเทศจีนและการร่วมผลิตผลงานกับแพลตฟอร์ม OTT ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยประมาณการเชิงอนุรักษ์นิยมว่ารายได้ธุรกิจ VFX และอะนิเมชั่น ของบริษัทจะเติบโต 15%
สำหรับธุรกิจเกมในปี 2564 กำไรหลักของ YGG พุ่งขึ้นถึง 98% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ด้วยการเปิดตัวเกมเพียงแค่เกมเดียว คือ Home Sweet Home: Survive (HSH) ในเดือน มี.ค. 2564 ส่วนในปี 2565 บริษัทจะเปิดตัวเกมทั้งหมดถึง 5 เกม ดังนั้นทางฝ่ายวิจัยคาดจะเห็นการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2565
นอกจากนี้ผู้บริหารมีแผนที่จะเปิดตัวเวอร์ชั่น 2 สำหรับเกม Home Sweet Home: Survive (HSH) ในเดือน พ.ค. โดยรูปแบบการเล่นของเวอร์ชั่นใหม่จะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดจากเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้แต่จะยังคงใช้ IP ตัวเดิมอยู่ ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยคาดเวอร์ชั่นใหม่นี้จะสามารถดึงดูดผู้เล่นรายใหม่และรุกตลาดต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น โดยในไตรมาส 2/2565 YGG มีแผนที่จะเปิดตัวเกมที่พัฒนาโดยบริษัทเอง (เกมบน PC) ซึ่งใช้ IP ใหม่ นอกจากนี้ในไตรมาส 2/2565 บริษัทจะเปิดตัว ZooRacers – เกมรถต่อสู้แบบ Multichain (พัฒนาร่วมกับ ZooKeeper – decentralized blockchain project)
อีกทั้งในไตรมาส 3/2565 YGG มีแผนที่จะเปิดตัวเกม NFT ที่พัฒนาโดยบริษัทเอง เป็นเกมใหม่ และอีกโครงการใหญ่ (เมตาเวิร์ส) จะตามมาติดๆในไตรมาส 3/2565 ซึ่งทุกเกม NFT ที่พัฒนาโดย YGG จะสามารถข้ามและแลกเปลี่ยนได้ ระหว่างแต่ละเชนและรวมเข้ากับโครงการเมตาเวิร์ส ดังนั้นระบบนิเวศจะขยายตัวอย่างมากในไตรมาส 4/2565 นอกจากนี้บริษัทร่วมทุนกับ MACO จะเปิดตัวเกมใหม่ใน SEA ซึ่งน่าจะเป็นเกมบนโทรศัพท์มือถือ (ซึ่งขนาดของตลาดใหญ่กว่าตลาดเกมบน PC ราว 5 เท่า) สำหรับปี 2565 ทางฝ่ายวิจัยคาดการณ์รายได้เชิงอนุรักษ์นิยมที่ 60 ล้านบาท จากตัวเวอร์ชั่น 2 สำหรับเกม HSH: Survive (รายได้จากเวอร์ชั่น 1 ไปพีคในไตรมาส 2/2564 ที่ 33 ล้านบาท) และ 15 ล้านบาทต่อเกมสำหรับ 4 เกมที่เหลือ (คิดเป็นเพียง 20% ของรายได้จากเกม HSH: Survive ในปี 2564)
โดยทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าจะะยังมีอัพไซด์อีก 30% ต่อประมาณการกำไรปี 2565 ของทางฝ่ายวิจัย อยู่ที่ 200 ล้านบาท เติบโต 80% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยโครงการเมตาเวิร์สและธุรกิจเกม อยู่ที่ 55 ล้านบาทต่อเกม สำหรับเกมใหม่ 4 เกม หรือคิดเป็น 60% ของรายได้จากเกม HSH: Survive ในปี 2564) เนื่องจาก YGG มีโอกาสที่จะรายงานการเติบโตที่ก้าวกระโดดมาก บริษัทควรมีการซื้อขายบนระดับพรีเมียม โดยทางฝ่ายวิจัยปรับไปอิง PEG จาก 1.80 เท่าไปเป็น 2 เท่าแทน บนสมมติฐานกรณีที่ดีที่สุดของทางฝ่ายวิจัย ทั้งนี้กำหนดราคาเป้าหมายใหม่ไว้ที่ 14 บาท จากเป้าหมายเดิม 13 บาท