OSP-CBG กอดคอร่วง! ตรึงราคาสินค้าช่วงเงินเฟ้อ ต้นทุนพุ่งกดดันกำไร

OSP-CBG กอดคอร่วง! หลังตรึงราคาสินค้าช่วงเงินเฟ้อ ต้นทุนพุ่งกดดันกำไร โบรกแนะนักลงทุนหากจะลงทุนให้รอจังหวะที่ราคาย่อตัวลงให้สุด หรือไม่มีแรงขายแล้ว ค่อยเข้าลงทุน      


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (8 เม.ย. 2565) ณ เวลา 12:21 น. ราคาหุ้นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP อยู่ที่ระดับ 34.50 บาท ลดลง 2 บาท หรือ 5.48% โดยทำจุดสูงสุดที่ 36.25 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 34.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.59 พันล้านบาท

ขณะเดียวกันราคาหุ้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG อยู่ที่ระดับ 101.50 บาท ลดลง 4 บาท หรือ 3.79% โดยทำจุดสูงสุดที่ 106 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 100 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 720.93 ล้านบาท

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนด้านการผลิตและการขายที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น หรือ Gross Profit Margin มีแนวโน้มหดตัวแคบลง ซึ่งอาจจะทำให้ผลประกอบการในภาพรวมอ่อนแอลงในระยะสั้นได้

ด้านนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น OSP และ CBG ที่ปรับตัวลงวันนี้ คาดเป็นผลจากการขายทำกำไร หลังจากก่อนหน้านี้นักลงทุนได้มีการเก็งกำไรหุ้นที่ได้รับอานิงสงส์จากเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้น เนื่องด้วยหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มถือเป็นหุ้นที่สามารถปรับขึ้นราคาขายได้ตามเงินเฟ้อ แต่ล่าสุดจากประเด็นข่าวที่ออกมา ระบุว่า คาราบาวแดง ได้ประกาศตรึงราคาเครื่องดื่มชูกำลังที่ 10 บาท ตามเดิม ทำให้นักลงทุนอาจจะผิดหวัง จนเทขายทำกำไรออกมา

ขณะที่ OSP ก่อนหน้านี้ก็มีการออกสินค้าใหม่ หรือ M-150 เพิ่มวิตามินบี 12 ขึ้น 2 เท่า โดยมีราคาเพิ่มขึ้นเพียง 20% จาก 10 บาท เป็น 12 บาท แต่ปัจจุบัน CBG ยังไม่ขึ้นมาแข่งขันด้วย ก็อาจจะมีผลต่อกำลังซื้อได้

อย่างไรก็ตามด้านปัจจัยพื้นฐานของทั้ง 2 บริษัท ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และปัจจุบันก็เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจแล้ว รวมถึงต้นทุนอะลูมิเนียมที่ปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ก็เริ่มปรับฐานลงมา ตามราคาน้ำมัน อีกทั้งราคาหุ้นก็ยังไม่แพง แนะนำนักลงทุนหากจะลงทุนให้รอจังหวะที่ราคาย่อตัวลงให้สุด หรือไม่มีแรงขายแล้ว ค่อยเข้าลงทุน

Back to top button