JDF ดีดแรง 10% โบรกชี้กำไรปี 65 โตเท่าตัว หลังโควิดคลี่คลาย หนุนยอดขายพุ่ง

JDF ดีดแรง 10% ราคาแตะ 5.55 บ. โบรกชี้กำไรปี 65 โตเท่าตัว มาที่ 95 ลบ. หลังโควิดคลี่คลาย หนุนยอดขายพุ่ง ขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 เม.ย. 2565) ราคาหุ้น บริษัท เจดีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ JDF ณ เวลา 15:27 น. อยู่ที่ระดับ 5.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 9.90% โดยทำจุดสูงสุดที่ 5.70 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 4.86 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 755.69 ล้านบาท

โดยบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (7 เม.ย.2565) ประเมินมูลพื้นฐาน JDF ปี 2565 ที่ 3.7 บาท/หุ้น มองว่า JDF มีความน่าสนใจเนื่องจาก 1) สินค้าที่หลากหลาย ผสานกับการบริการของบริษัทที่ครบวงจร (one stop service) ในการวิจัยและพัฒนาสูตรอาหารตามความต้องการของลูกค้า 2) โรงงานและสินค้ามีคุณภาพรับรองจากมาตรฐานสากล

รวมทั้ง 3) กำลังผลิตเพียงพอรองรับการเติบโตในอนาคต 4) แนวโน้มกาไรสุทธิฟื้นตัวเด่นหลัง COVID-19 คลี่คลาย และปี 2565-2566 โตเฉลี่ย 65% CAGR โดยคาดกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110% เมื่อเทียบจากปีก่อน และคาดกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบจากปีก่อน หนุนจากรายได้ปี 2565-2566 ที่เติบโต 17% CAGR

ทั้งนี้ผู้บริหาร JDF มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารมากกว่า 30 ปี ปัจจุบันมีทีมวิจัยและพัฒนาสูตรอาหารกว่า 22 คน โดยทางบริษัทได้พัฒนาสูตรเครื่องปรุงรสมาแล้วกว่า 2,000 รายการ ให้แก่ลูกค้ากว่า 300 ราย ผสานกับการบริการแบบครบวงจรที่สามารถดูแลและให้คำปรึกษาลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในหลายอุตสาหกรรม อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว และลูกค้าธุรกิจร้านอาหารต่างๆ

โดยโรงงานและสินค้าของบริษัทได้การรับรองมาตรฐานในเชิงการผลิตและคุณภาพกว่า 15 รายการอย่างเช่น มาตรฐานความปลอดภัยทางอาหารของสมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักร (BRC) และสหรัฐฯ (FSMA) ผนวกกับการขยายกำลังผลิตของโรงงานเพิ่มเติมกว่าเท่าตัว ทำให้สามารถรองรับการเติบโตของคำสั่งซื้อของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ และสามารถขยายตลาดไปอุตสาหกรรมอื่นเพิ่มเติมได้ อย่างเครื่องปรุงรสของเนื้อสัตว์แปรรูป เนื้อสัตว์แช่แข็ง

ทั้งนี้ปัจจุบันมูลค่าตลาดซอสและเครื่องปรุงรสของประเทศไทย อยู่ที่ 4.8 หมื่นล้านบาท โดยมีการเติบโตเฉลี่ยในปี 2559-2563 อยู่ที่ 4.7% และในปี 2563 ถือเป็นการเติบโต 4.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ COVID-19 สะท้อนการเติบโตที่มั่นคง และมีความเสี่ยงที่ต่ำ เนื่องจากประเภทธุรกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมมีความหลากหลาย และแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมใน 2564-2568 จะเติบโตอยู่ที่ราว 5.2% CAGR จากทั้งการเติบโตในประเทศตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและจากต่างประเทศจากความนิยมอาหารของชาวต่างชาติ (Ethnic Foods Influence)

Back to top button