EKH รับพิจารณาดึง RAM เข้าถือหุ้น-ยันไม่มี “เทนเดอร์ออฟเฟอร์”

EKH แจงกระแสข่าวลือปรากฎในสื่อต่างๆ ของการขายหุ้น รับอยู่ระหว่างพิจารณาขายหุ้นให้ RAM โดยยืนยันว่าไม่มีการตั้งโต๊ะเทนเดอร์ออฟเฟอร์  


นพ.อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH เปิดเผยว่า เนื่องด้วยมีกระแสข่าวลือปรากฎในสื่อต่างๆ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2565 เรื่องการขายหุ้นของบริษัท EKH ให้แก่ บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM นั้น บริษัทขอชี้แจงว่า บริษัทฯไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าวดังกล่าว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาและยังไม่มีความแน่ชัด โดยขอยืนยันว่าไม่มีการทำคำเสนอซื้อ (Tender Offer) 

อย่างไรก็ดีเพื่อให้การเปิดเผยข้อมูลมีความชัดเจนและไม่ก่อให้เกิดความสับสนต่อผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนรวมถึงเพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน บริษัทฯจึงขอให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนติดตามข้อมูลของบริษัทฯ ในเรื่องดังกล่าวผ่านช่องทางการเปิดเผยข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น

โดยก่อนหน้าแหล่งข่าวจากวงการเงิน เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ RAM อยู่ระหว่างดำเนินการเข้าซื้อกิจการ EKH หลังล่าสุดได้มีการเจรจาและบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับดำเนิน EKH จะมีการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ให้กับ RAM ในสัดส่วนเกิน 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด คาดว่าราคาเพิ่มทุนน่าจะอยู่ 8.60-9.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นจำนวนหุ้นและสัดส่วนที่มากเพียงพอต่อการบริหารจัดการใน EKH ที่ปัจจุบันกลุ่มตั้งสัจจะพจน์และเอื้ออารีมิตรถืออยู่ประมาณ  30.81% (กลุ่มตั้งสัจจะพจน์ 19.01% และกลุ่มเอื้ออารีมิตร 11.80%) จะมีการเสนอต่อที่ประชุมกรรมการ EKH เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อไป อย่างไรก็ตาม หลัง RAM เข้ามาถือหุ้นเกิน 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดแล้ว ต้องจับตา RAM ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ออฟเฟอร์ EKH ที่เหลือด้วย

ทั้งนี้ผลประโยชน์ที่ EKH จะได้รับคือ ก่อนหน้านี้ EKH เป็นโรงพยาบาลที่ไม่มีเครือข่าย การสั่งซื้อเครื่องมือแพทย์ การสั่งซื้อยา มีต้นทุนแพง แต่ถ้าเข้ามาอยู่ในเครือ RAM  จะได้ต้นทุนของที่ถูกลงและที่สำคัญยังสามารถโอนถ่ายคนไข้ระหว่างกันได้ด้วย

โดยหาก RAM เข้ามาถือหุ้นใหญ่ของ EKH อย่างเป็นทางการ จะทำให้เกิดการร่วมมือกันทางธุรกิจมากขึ้น ได้แก่ 1.การร่วมมือทางวิชาการ ความรู้ และแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนกต่าง ๆ ,2. การร่วมมือในเรื่องการสั่งซื้อ-บริหารสินค้า หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้นในเชิงปริมาณ (วอลุ่ม) และความได้เปรียบเชิงราคาต่อรองที่จะถูกลง

3.การร่วมมือพัฒนาโครงการต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือช่วยกันพัฒนาได้ เช่น การส่งต่อเคสผู้ป่วยไปยังเครือโรงพยาบาลของ RAM และ EKH เป็นต้น และ 4. การร่วมมือพัฒนาโครงการโรงพยาบาล หรือโครงการขนาดใหญ่ ที่สามารถเข้าไปร่วมมือได้ หรือให้ผลตอบแทนที่ดี และเหมาะสม

ด้านนายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล EKH เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันทาง EKH ได้มีการเจรจาในการร่วมมือทางธุรกิจกับผู้ประกอบการเครือโรงพยาบาลเอกชนหลายราย และยอมรับว่ามีโครงการที่น่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุนด้วย แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 คาดว่าจะออกมาดีมาก เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากฐานผู้ป่วยภาคปกติ ทั้งผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) ที่กลับมารักษาตัวตามปกติ หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และมีอาการไม่รุนแรง บวกกับฐานผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และการทยอยฉีดวัคซีนทางเลือกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่ออนุมัติ และประกาศงบในช่วงประมาณวันที่ 12 พ.ค. 2565

Back to top button