กลุ่มท่องเที่ยวตีปีก! ศบค.ไฟเขียวยกเลิก “ตรวจโควิด” เข้าไทย-ลดเงินประกัน

ลุ้น! กลุ่มท่องเที่ยววิ่งคึก ดาวเด่น AOT- AWC- CENTEL- ERW-MINT- SPA ขานรับ ศบค. ยกเลิกตรวจโควิด-19 เข้าไทย พร้อมปรับลดวงเงินประกันสำหรับผู้เดินทางไม่ต่ำกว่า 10,000 เหรียญสหรัฐ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา  2019 หรือ ศบค. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน โดยที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ตามคณะกรรมการวิชาการ กระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการควบคุมโรค EOC ได้เสนอ โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 1 พฤษภาคม 2565

สำหรับผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ (Vaccinated Traveler) ให้ยกเลิกการตรวจหาเชื้อโควิดเมื่อเดินทางมาถึงประเทศและแนะนำให้ตรวจ Self-ATK ระหว่างพำนัก หากพบการติดเชื้อโควิด-19 ให้เข้าสู่กระบวนการตามประกันภัย หรือตามความรับผิดชอบของบุคคล

ส่วนผู้เดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือได้รับแต่ไม่ครบตามเกณฑ์ (Unvaccinated Travelers) ให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ในวันที่ 4-5 ที่เดินทางมาถึงประเทศไทย และแนะนำให้ตรวจ Self-ATK ระหว่างพำนัก หากพบเชื้อฯ ให้เข้าสู่กระบวนการตามประกันภัย หรือตามความรับผิดชอบของบุคคล

ขณะเดียวกัน ศบค.ปรับลดวงเงินประกันสำหรับผู้เดินทางทั้ง 2 กลุ่ม จากวงเงินไม่ต่ำกว่า 20,000 เหรียญสหรัฐ เป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 10,000 เหรียญสหรัฐ

ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ถือเป็น Sentiment ที่ดีขึ้นต่อภาพรวมเศรษฐกิจจากการกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติมากขึ้น แต่ร่องทางทางเศรษฐกิจที่ทิ้งไว้หลังการระบาดของโควิด-19 ยาวนานกว่า 2 ปี อันได้แก่ หนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูง 60.17% ต่อ GDP (เป็นการกู้ในประเทศถึง 98%) แต่ก็มีสัดส่วนดอกเบี้ยต่อรายได้รัฐกว่า 8% ส่งผลให้เป้าหมายในการใช้เงินในการกระตุ้นจะเฉพาะเจาะจงมากขึ้น

รวมถึงการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมจะต้องมีความพิถีพิถัน ถ้าวัดจากเพดานหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่ 70% จะเห็นได้ว่ายังมีช่องว่างที่รัฐสามารถกู้เพิ่มมากระตุ้นเศรษฐกิจได้กว่า 1 ล้านล้านบาท อีกส่วนหนึ่งคือหนี้ภาครัวเรือนที่สูงกว่า 90% ของ GDP ซึ่งทั้ง 2 ส่วนถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Long Covid ทางเศรษฐกิจ เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงอีกครั้งของ เศรษฐกิจไทย

โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จำกัดจากฐานะทางการเงินที่อ่อนแอลง เมื่อเทียบกับช่วงก่อน เกิดโควิด-19 แต่ก็เริ่มเห็นการฟื้นของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามลำดับ แม้ยังมีอาการ long Covid ทางเศรษฐกิจคงค้างอยู่ กลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกหุ้นที่อิงต่อการฟื้นตัวต่อเศรษฐกิจในประเทศ คาดจะมีโอกาสกลับมา Outperform ได้เด่นขึ้นตามลำดับ เมื่อเทียบกับในช่วงที่เจอวิกฤตโควิด  แนะนำหุ้น  ได้แก่ AOT, BH, MINT, M, AEONTS, MAJOR, CRC, CPN ฯลฯ

ขณะเดียวกัน บล.พาย ระบุว่าตามที่ประชุม ศบค. เพื่อผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ มีมุมมองเชิงบวกต่อแผนดังกล่าว ด้วยการที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น โดยมองกลุ่มท่องเที่ยวจะได้รับประโยชน์ ได้แก่ AOT, AWC, CENTEL, ERW, MINT และ SPA

ส่วนหุ้นรับผลบวกโดยตัวที่ยัง Laggard สุดได้แก่ SPA รวมไปถึงค้าปลีก ได้แก่ BJC, CPALL ร้านอาหาร ได้แก่ M สำหรับ SET INDEX คาดย่อตัวตามจิตวิทยาเชิงลบมองกรอบ 1675–1688 จุด เชิงกลยุทธ์ยังไม่เร่งร้อนเข้าลงทุนเนื่องจาก Valuation ที่มิได้ถูกแต่ระยะสั้นแนะกลุ่มมีปัจจัยบวก อาทิ AOT, AWC, CENTEL, ERW, MINT, SPA รวมถึงน้ำมัน ได้แก่ PTTEP และค้าปลีกได้แก่ BJC, CPALL

Back to top button