RML รับรายได้ปีนี้ต่ำกว่าปีก่อน เตรียมเจรจาพันธมิตรญี่ปุ่น
RML รับรายได้ปีนี้ต่ำกว่า 6.7 พันลบ. ในปีก่อน หลังมูลค่ายอดโอนโครงการลดลง เผยได้ชะลอแผนซื้ออาคารสำนักงานในกทม. เตรียมเจรจานักลงทุนญี่ปุ่นที่ต้องการหาพันธมิตรในการลงทุนอสังหาฯ ในไทย
นายวิท สุธีรชาติกุล นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะต่ำกว่าระดับ 6.7 พันล้านบาทในปีก่อน หลังมูลค่ายอดโอนโครงการน้อยกว่าปีก่อน แต่ยังมั่นใจยอดขายทั้งปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 2.5-3 พันล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันทำยอดขายได้มากกว่า 50% แล้ว
ขณะที่ยังเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับบนที่ยังมีการเติบโต แต่ชะลอแผนการเข้าซื้ออาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ หลังราคาพุ่งขึ้นมากเกินกว่าที่จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า
โดยปีนี้บริษัทมั่นใจยอดขายจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ระดับ 2.5-3 พันล้านบาท หลังล่าสุดทำยอดขายได้แล้วมากกว่า 50% ซึ่งปีนี้บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.8 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านแฝดมิวส์ เย็นอากาศ มูลค่าโครงการราว 700 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 25% และโครงการคอนโดมิเนียม เดอะ ลอฟท์ อโศก มูลค่าโครงการ 3.1 พันล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมหรู 211 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6.1 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดพรีเซลอย่างไม่เป็นทางการแล้ว 20% และจะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 6-8 พ.ย.นี้
สำหรับรายได้ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะต่ำกว่าปีก่อน เพราะจำนวนการโอนโครงการและมูลค่าการโอนโครงการน้อยกว่าปีก่อน ซึ่งจะมีการโอนโครงการในปีนี้มูลค่า 6 พันล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่รวมกับสต็อคสินค้าพร้อมโอน (Inventory) อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท โดยในไตรมาส 4/58 บริษัทจะเริ่มทยอยโอนโครงการคอนโดมิเนียม ยูนิค พัทยา มูลค่า 3 พันล้านบาท ทำให้การโอนในไตรมาส 4/58 จะเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสที่ผ่านมาของปีนี้ที่มีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมเดอะรีเวอร์ และโครงการคอนโดมิเนียม 185 ราชดำริ
ส่วนการพัฒนาโครงการของบริษัทในอนาคตยังคงเดินหน้าการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับบนอย่างต่อเนื่อง เพราะมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนในไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะมีลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงอยู่เป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่ลูกค้าของบริษัทใช้เงินสดในการซื้อเป็นส่วนใหญ่ ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทต่ำกว่า 1%
สำหรับแผนการซื้ออาคารสำนักงานในกรุงเทพฯจากเดิมที่บริษัทคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในปีนี้อย่างน้อย 1 ดีลนั้น ได้ชะลอแผนการเข้าซื้ออาคารสำนักงานดังกล่าวออกไป เพราะราคาเสนอขายอาคารสำนักงานสูงเกินกว่าที่บริษัทจะสามารถได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าและบริษัทจะต้องใช้เงินลงทุนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงในการลงทุนอย่างมาก ทำให้ชะลอแผนออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าจะได้ราคาที่เหมาะสม
นอกจากนี้ในเร็วๆ นี้บริษัทจะเจรจากับนักลงทุนญี่ปุ่น 1 รายที่ติดต่อเข้ามาเพื่อทำความรู้จักกับบริษัท โดยนักลงทุนญี่ปุ่นดังกล่าวมีความต้องการที่จะหาพันธมิตรทางธุรกิจในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไนไทย ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าลงทุนในประเทศญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามนักลงทุนญี่ปู่นดังกล่าวได้เดินสายเจรจากับผู้ประกอบอสังหาริมทรัพย์ของไทยหลายราย และอีกทั้งบริษัทยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างแน่นอนว่าจะมีโอกาสได้ร่วมลงทุนกับนักลงทุนญี่ปุ่นหรือไม่ในอนาคต
“นักลงทุนญี่ปุ่นเขาติดต่อเราเข้ามา เพราะเขาอยากทำความรู้จักกับเราเฉยๆ ยังไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่จริงๆเขาก็คุยกับผู้ประกอบอสังหาฯหลายคน ไม่ใช่คุยกับเราคนเดียว เดี๋ยวเร็วๆนี้ก็จะได้คุยกับเขา แต่ก็แค่ทำความรู้จักกันก่อน ถ้ามีโอกาสร่วมลงทุนอะไรก็เป็นเรื่องอนาคต ก็ยังไม่ตัดสินอะไร”นายวิท กล่าว