CK บวก 4% โบรกชี้ปี 65 ฟื้นตัว เล็งกำไรแตะ 1.3 พันลบ. ชูเป้า 25.25 บ. อัพไซด์ 29%
CK บวก 4% โบรกคาดปี 65 ฟื้นตัวจากงานเร่งตัว เริ่มเห็นงานโครงการใหม่ต่างๆ รวมถึงงานในมือที่ดำเนินการอยู่เดิมจะหนุนให้บริษัทมีรายได้เร่งตัวลุ้นทั้งปีโต 1.96 หมื่นลบ. ดันกำไรแตะ 1.29 พันลบ. แนะซื้อ ราคาเป้า 25.25 บ. เหลืออัพไซด์ 29.49%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 พ.ค. 2565) ราคาหุ้น บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ณ เวลา 15:50 น. อยู่ที่ระดับ 19.60 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 3.70% โดยทำจุดสูงสุดที่ 19.80 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 19.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 267.12 ล้านบาท
บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า คาดปี 2565 CK ฟื้นตัวจากงานเร่งตัว แม้ยังเสี่ยงจากแนวโน้มดอกเบี้ยโลก โดยในวันที่ 11 มี.ค. 2565 ซึ่งอยู่ในงวดไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมากิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-พีแอล ลงนามรับจ้างกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ทำสัญญาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (เตาปูน – ราษฎร์บูรณะ วงแหวนกาญจนาภิเษก) ร่วมกับ STEC โดยบริษัทร่วมค้าฯ ถือสัดส่วน 55% ซึ่งประกอบไปด้วย 2 สัญญาได้แก่ สัญญาที่ 1) งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน (เตาปูน – หอสมุดแห่งชาติ) มูลค่ารวมภาษี 1.94 หมื่นล้านบาท และสัญญาที่ 2 งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน (หอสมุดแห่งชาติ – ผ่านฟ้า) มูลค่ารวมภาษี 1.58 หมื่นล้านบาท
สำหรับงานเดิมที่คงค้างก่อนหน้า ได้แก่ โครงการอาคารศูนย์เรียนรู้และวิจัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา เจ้าฟ้าจุฬา ภรณ์, โครงการอุโมงค์ส่งน้ำกาญจนาภิเษก เป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่จะทำให้รายได้เติบโตได้ต่อเนื่องในปีนี้ คาดมีโอกาสเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องตลอดปี 2565 ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลงไป
ดังจะเห็นได้จากการปรับลดมาตรการตรวจรับต่างชาติที่ยกเลิก RT-PCR ลงเหลือเพียงการตรวจ ATK ก่อนเข้าประเทศ ปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ล่าสุดสภาพัฒน์เผย GDP ไทยไตรมาส 1/2565 ฟื้นตัวมากกว่าคาดเพิ่มขึ้น 2.2% จากไตรมาสก่อน ด้านปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ที่ยังยืดเยื้อและกดดันราคาพลังงาน อันส่งผลต่อต้นทุนค่าก่อสร้างรวมถึงเงินเฟ้อที่มีโอกาสเร่งตัวได้ต่อ ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ทั้งสหรัฐและยูโรโซนมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยคาดช่วงเวลาต่อจากนี้ไปงานโครงการใหม่ต่างๆ ที่กล่าวไป รวมถึงงานในมือที่ดำเนินการอยู่เดิมจะ หนุนให้บริษัทมีรายได้เร่งตัวพร้อมๆ กับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่จะหนุนให้โครงการต่างๆ เดินหน้าได้ต่อ แม้ยังเผชิญความเสี่ยงปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่ดูยืดเยื้อ กดดันต้นทุนค่าก่อสร้าง และแนวโน้มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ยังมีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้มองตลอดปี 2565 คาดบริษัทจะสามารถทำรายได้สู่ 19,623.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.09% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และคาดกำไรสุทธิปีนี้สู่ 1,294.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.66% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมี EPS ที่ราว 0.76 บาทต่อหุ้น Dividend Yield ปี 2565 มีโอกาสฟื้น ตัวสู่ราว 1.44% ให้ราคาเป้าหมายปี 2565 ไว้ที่ 25.25 บาท มองราคาปัจจุบันยังอยู่ระดับต่ำที่ 18.90 บาท จึงแนะนำ “ซื้อ”
ส่วนในช่วงงวดไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างทั้งโครงการที่มีอยู่และโครงการใหม่ เช่น โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย และสัญญา ที่ 3ช่วงเชียงราย-เชียงของ รวมแล้วในงวดไตรมาส 1/2565 ทำรายได้จากสัญญาก่อสร้างได้ 7,039.39 ล้านบาท คิดเป็น 96.65% ของรายได้รวม รายได้อื่น (ค่าบริหารโครงการ,รายได้ค่าเช่า-ดอกเบี้ย และอื่น ๆ) อีกราว 243.85 ล้านบาท ทำให้รายได้รวมงวดไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 7,283.24 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 77.71% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 105.52% จากงวดงวดเดียวกันของปีก่อน
ด้านต้นทุนในการรับเหมาก่อสร้างเพิ่มตามรายได้ที่ดีขึ้นสู่ไตรมาส 1/2565 ที่ 6,448.94 ล้าน บาท (เพิ่มขึ้น 95.38% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 139.38% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่สามารถควบคุมต้นทุนบริหารลดลงได้จากไตรมาสที่ แล้วสู่ไตรมาส 1/2565 ที่ 468.85 ล้านบาท
ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนบริษัทร่วมลดลงสู่ 83.85 ล้าน บาท และรายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/2565 ที่ 114.52 ล้านบาท ลดลง 14.93% จากไตรมาสก่อน และลดลง 41.95% จากงวดเดียวกันของปีก่อน