PR9 บวกแรง 6% ส่งซิก Q2 โตต่อ ปักธงปีนี้รายได้แตะ 3.5 พันลบ. แนะซื้อเป้า 15.60 บาท
PR9 บวกแรง 6% ส่งซิก Q2 โตต่อ ปักธงปีนี้รายได้แตะ 3.5 พันลบ. แนะซื้อเป้า 15.60 บาท โดย ณ เวลา 16:16 น. อยู่ที่ระดับ 14.40 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (18พ.ค. 2565) ราคาหุ้นบริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 ณ เวลา 16:16 น. อยู่ที่ระดับ 14.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 5.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 61.01 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ นายแพทย์เสถียร ภู่ประเสริฐ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ R9 เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2565 บริษัทมีรายได้รวม 979.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวม 678.3 ล้านบาท และบริษัทมีกำไรสุทธิ 157.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308% มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 38.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่นทำนิวไฮทั้งรายได้และกำไร มีปัจจัยสนับสนุนมาจาก Covid-19 และอัตราเข้าใช้บริการค่อนข้างสูง ทั้งกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) และกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) โดยเฉพาะการเข้ารับบริการศูนย์เลสิคที่มีแนวโน้มขยายตัวดี การผ่าตัดเต้านมเสริมความงาม รวมถึงรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่เริ่มเข้ามาในประเทศบางส่วน และจากการตรวจสุขภาพ หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มชะลอตัวลูกค้าทยอยกลับมาตรวจสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยไม่กังวลการเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาลแล้ว
ส่วนแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/2565 บริษัทมองว่าเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2565 เนื่องจากมีแนวโน้มปริมาณผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากกลุ่มผู้ป่วย OPD และ IPD โดยรายได้เฉลี่ยต่อการรักษาจากกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD Revenue per admission) สะท้อนถึงศักยภาพและความน่าเชื่อถือของโรงพยาบาลในการรองรับการรักษาโรคซับซ้อนได้ดี ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังคงมีความจำเป็นและความต้องการการรักษาพยาบาลที่มีความซับซ้อนสูง
ขณะที่กรณีรัฐบาลยกเลิก Test & Go มีผลเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาในประเทศ ถือเป็นสัญญาณที่ดี จากก่อนหน้านี้คนไข้ไม่สามารถเดินทางเข้ามารักษาได้ ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างเจาะตลาดลูกค้าจีน เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ซึ่งบริษัทได้ติดต่อกับหลายบริษัทที่มีลูกค้าเป็นชาวจีน ทำให้บริษัทเริ่มมีจำนวนลูกค้าดังกล่าว
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานต่อจากนี้ บริษัทมุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่เป็นผู้สูงอายุและโรคซับซ้อน รวมถึงขยายการบริการใหม่ๆ ที่หลากหลาย เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น ทั้งการเสริมความงามและการดูแลสุขภาพ
ขณะเดียวกันเน้นการดูแลคนไข้ผ่าน Telemedicine โดยเตรียมขยายแพลตฟอร์มดูแลผู้สูงอายุเกี่ยวกับการดูแลเฉพาะทาง ที่เป็นโรคซับซ้อน มองว่ากลุ่มนี้จะเติบโตในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งเทรนด์การดูแลสุขภาพและการรักษาผู้ป่วยสูงอายุที่บ้านกำลังได้รับความนิยม
พร้อมกับบริษัทเตรียมเปิดศูนย์ปอดเพื่อรักษาอาการ Long Covid โดยเฉพาะหลังพบว่าอาการ Long Covid ที่เกิดขึ้นทำให้สภาพร่างกายผู้ป่วยไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่เหมือนโรคไข้หวัดทั่วไปผ่านการดูแลด้วยทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด และปัจจุบันบริษัทมีการศึกษาโปรเจ็กต์อื่นๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากการรักษาพยาบาล อาทิ กัญชา, วิตามินเสริม, การเปิดร้านขายยา และศึกษาเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) และ Metaverse เพื่อมองหาโอกาสการลงทุนที่เหมาะสมและคุ้มค่า ซึ่งแผนงานดังกล่าวเชื่อมั่นว่าจะเป็นการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต
“ส่วนแผนการดำเนินงานที่วางไว้ เชื่อมั่นว่าไตรมาส 2/2565 จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง ส่งผลเป้าหมายรายได้ปี 2565 เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 3.5 พันล้านบาท ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ Covid เติบโต 15-20% และ Non-Covid มีสัดส่วน 80-85% ทั้งการผ่าตัดโรคซับซ้อน เลลิค และการตรวจสุขภาพ” นายแพทย์เสถียร กล่าว
บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(18พ.ค.65)ว่า PR9 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15.60 บาท แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 คาดว่าจะได้รับโมเมนตัมบวกต่อเนื่องหลัง สถานการณ์โควิดเริ่มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทำให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจในการเข้ามารับการ รักษามากขึ้นทั้งในส่วนของ OPD และ IPD อย่างไรก็ตามผู้ป่วยโควิดที่ลดลง และเป็น ช่วง Low Season ของโรงพยาบาลทำให้คาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง เทียบไตรมาสก่อนหน้า อย่างมีนัยสําคัญ
ทั้งนี้บริษัทยังมี Upside จากการปรับขึ้นราคาหลังค่ารักษาพยาบาลยังต่ำกว่าคู่แข่ง รวมทั้งการเข้ามาของลูกค้าชาวต่างชาติในช่วงครึ่งหลังปี 2565 หลังการผ่อนคลายมาตรการเดิน ทางเข้าประเทศ
คงคำแนะนำ “ซื้อ” PR9 และราคาเหมาะสมปี 22 ที่ 15.60 บาท ซึ่ง Prospective PE 27.6 เท่า บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ไม่มีภาระเงินกู้สามารถลงทุนทั้งใน Greenfield และ Brownfield ได้ในอนาคต รวมทั้งปลอดความเสี่ยงจากการปรับตัวขึ้นของดอกเบี้ย