ดาวโจนส์ปิดขยับลง ขณะตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนต.ค.ในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย เพื่อจับสัญญาณแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (6 พ.ย.) ที่ 17,863.43 จุด ลดลง 4.15 จุด หรือ -0.02%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,127.74 จุด ลดลง 14.74 จุด หรือ -0.29% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,099.93 จุด ลดลง 2.38 จุด หรือ -0.11%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนต.ค.ในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย โดยนักลงทุนมองว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หรือไม่ หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณชัดเจนในระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐครั้งล่าสุดว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

ทั้งนี้ ผลการสำรวจของนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.จะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่ง โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2008

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐยังสร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ด้วย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 16,000 ราย สู่ระดับ 276,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 260,000 ราย ขณะเดียวกันกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 1.6% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส แต่ชะลอตัวจากที่ปรับตัวขึ้น 3.5% ในไตรมาส 2 

หุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 4.64% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสสามของปี 2558 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11% ขณะที่รายได้พุ่ง 41% แตะ 4.5 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับไตรมาสสามของปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 3.2 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากภาคธุรกิจหันมาใช้พื้นที่โฆษณาบนเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ส่งผลให้รายได้จากการโฆษณานั้นมากจนสามารถชดเชยงบประมาณที่ทางบริษัทได้ทุ่มให้กับโครงการต่างๆ ได้

หุ้นควอลคอมม์ ดิ่งลง 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายและกำไรที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด ขณะที่หุ้นราล์ฟ ลอเรน พุ่งขึ้น 16% ขานรับผลประเกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท} หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลง โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ต่างก็ร่วงลงกว่า 1.3% ส่วนหุ้นทรานส์โอเชียน ร่วงลง 8.2% หลังจากบริษัทวางแผนปรับลดต้นทุนในปีหน้าลงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภท 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับขึ้น 1.8% หุ้นสเตท สตรีท และหุ้นแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.6%

Back to top button