SPA บวก 4% นิวไฮรอบ 11 เดือน ลุ้นครึ่งหลังฟื้น นทท.หนุน วางเป้ารายได้ปีนี้ 600 ลบ.

SPA บวก 4% นิวไฮรอบ 11 เดือน ลุ้นครึ่งหลังฟื้น นักท่องเที่ยวหนุน วางเป้ารายได้ปีนี้ 600 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(26 พ.ค.65)  ราคาหุ้นบริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA ณ เวลา 10:53 น. อยู่ที่ระดับ 8.60 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 3.61% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 58.72 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ นายณรัล วิวรรธนไกร  กรรมการบริหาร  SPA เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีรายได้ 500-600 ล้านบาท จากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 174.94 ล้านบาท เพราะประเมินว่าบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดในปี 2564 ไปแล้วที่ต้องปิดบริการธุรกิจสปาซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทที่ 74% ยาวนานถึง 6 เดือน และปี 2565 สถานการณ์การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ลดความรุนแรงลง รัฐบาลทยอยผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้า-ออกมากขึ้น และมีแผนจะประกาศให้โรคประจำถิ่นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประเมินว่าปี 2565 ไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 ล้านคน และเพิ่มเป็น 18 ล้านคน ในปี 2566

ทั้งนี้บริษัทได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 และปัจจุบันได้เปิดให้บริการธุรกิจสปาแล้ว 80% ของสาขาทั้งหมด ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าโดยมีอัตราการทำงานของพนักงานนวด (Staff Utilization Rate) เฉลี่ยมากกว่า 40% เนื่องจากบริษัทได้ใช้กลยุทธ์สร้างความเชื่อมั่นด้วยการตรวจ ATK พนักงานนวดทุกวัน และตรวจผู้เข้ารับบริการทุกครั้ง โดยเป็นการตรวจแบบใช้น้ำลายซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจัดจำหน่ายเองด้วย และให้ผลที่แม่นยำกว่าการตรวจด้วยวิธีแยงจมูก ส่วนสาขาที่เหลืออีก 20% นั้นเป็นสาขาที่อยู่ในพื้นที่โรงแรมซึ่งยังไม่เปิดบริการเนื่องจากนักท่องเที่ยวเป้าหมายยังไม่กลับมา

นอกจากนี้ในปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดให้บริการออนเซ็นแห่งที่ 2 ที่โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์ สเปซ พัทยา ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ จากนั้นในเดือนตุลาคม 2565 จะเปิดให้บริการ Let’s Relax Spa ที่ศูนย์การค้า Terminal 21 พระราม 3 และบริษัทจะปรับกลยุทธ์รองรับลูกค้าเพิ่มเติม เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเปลี่ยนไป จากก่อนหน้าที่จะเป็นลูกค้ากลุ่มชาวเอเชียเป็นหลัก แต่ขณะนี้เป็นกลุ่มชาวรัสเซีย ยุโรป ออสเตรเลีย เพราะจีนและญี่ปุ่นยังไม่เปิดประเทศ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุได้ว่าผลประกอบการจะกลับมามีกำไรได้เมื่อใดจากปี 2564 ที่ขาดทุนสุทธิ 286.82 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 37.13% เนื่องจากต้องดูหลายปัจจัยประกอบกับทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่หากอัตราการติดเชื้อลดลงต่อเนื่องเมื่อไหร่ลูกค้าก็จะมาใช้บริการมากขึ้น รวมทั้งต้องดูความชัดเจนการเปิดประเทศของจีนด้วย และยืนยันว่าบริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มทุนในช่วงนี้ ส่วนผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชานั้น ยืนยันว่าบริษัทให้ความสนใจว่าจะสามารถนำมาปรับใช้ในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัทในด้านใดได้บ้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและรอความชัดเจนด้านกฎหมาย

บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์(18 พ.ค.2565) ว่า ปรับประมาณการปี  2565  ลงมาที่ 37 ล้านบาท (จากเดิม 10 ล้านบาท) จากการปรับค่าใช้จ่าย ขึ้นตามต้นทุนค่าเช่าที่สูงขึ้น และการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการกลับมาเปิดสาขา ทั้งนี้ยังคงรายได้ที่ 590 ล้านบาท (โต241%  เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากจำนวนผู้เข้าใช้บริการที่เห็นการฟื้นตัวนับตั้งแต่ รัฐบาลได้มีการเปิดประเทศและยกเลิกการตรวจ RT-PCR อีกทั้งยังมียอดขาย ATK ราว 65 ล้านบาท

ราคาหุ้น Outperform SET +8% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ยังแนะนำ “ซื้อ” โดยมองการขาดทุนในไตรมาส 1/2565 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี คาดกำไรจะค่อยๆ ฟื้นตัวพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เห็นการฟื้นตัวมากขึ้นนับตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่รัฐบาลยกเลิกการตรวจ RT-PCR

Back to top button