PACO วิ่ง 7% จับตางบ Q2 ฟื้น โบรกชี้ปี 65 กำไรโตต่อ รับออเดอร์ OEM หนุน ชูเป้า 3.30 บ.

PACO วิ่ง 7% จับตางบไตรมาส 2 ฟื้น โบรกชี้ปี 65 กำไรโตต่อเนื่อง จากคำสั่งซื้องาน OEM หนุนช่วยขยายฐานรายได้ เคาะเป้า 3.30 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (26 พ.ค. 2565) ราคาหุ้น บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO ณ เวลา 15:23 น. อยู่ที่ระดับ 2.76 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท หรือ 6.98% โดยทำจุดสูงสุดที่ 2.96 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 2.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 53.32 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า แนวโน้มไตรมาส 2/2565 คาดผลประกอบการฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน ตามสถานการณ์ COVID-19 ขณะที่ตลาดส่งออกหลักประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากการเริ่มรับรู้รายได้งานใหม่ OEM ตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 ส่วนปี 2565 คาดรายได้รวมเติบโตราว 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 871 ล้านบาท โดยในส่วนของอะไหล่ REM มีปัจจัยหนุนจากตลาดส่งออกที่ขยายตัวดีตามประเทศคู่ค้าและตลาดรถยนต์ในประเทศฟื้นตัว ประกอบกับการขยายสาขา PACO Auto Hub ครบ 300 สาขา พร้อมวางจำหน่ายสินค้าใหม่ ชิ้นส่วนช่วงล่าง ไดร์ชาร์จ ไดร์สตาร์ท ช่วยเพิ่มรายได้มากขึ้น

นอกจากนี้บริษัทยังได้รับงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศกับค่ายรถยนต์รายหนึ่งจำนวน 2 รุ่น มูลค่าสัญญา 800- 1,200 ล้านบาท เฉพาะสัญญา OEM 4 ปี มูลค่า 800 ล้านบาท เฉลี่ยในปีนี้ราว 100 ล้านบาท และจะทยอยเพิ่มเป็น 200 ล้านบาทในปีหน้า ถือเป็นบวกในแง่ของการรับประกันคำสั่งซื้อที่จะมีเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีโอกาสได้งานจากรถยนต์รุ่นอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติม ทั้งรถยนต์เครื่องสันดาปภายใน และรถยนต์ EV จากข้อกำหนดเรื่องการ Sourcing Local Part ตามนโยบายสนับสนุนการผลิตและการใช้รถยนต์ EV ของรัฐบาล

อย่างไรก็ตามจาก Margin งาน OEM ที่ต่ำกว่า REM อาจทำให้อัตรากำไรขั้นต้นรวมจะลดลงจากเดิมแต่จะไม่กระทบ มาก เพราะได้ชดเชยจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยใช้เงินลงทุนสำหรับค่าแม่พิมพ์และเครื่องจักรใหม่ไม่มาก รวมถึงได้รับผลบวกจากการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการส่งเสริมการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร

ทั้งนี้เบื้องต้นคงประมาณการกำไรปกติในปี 2565 อยู่ที่ 117 ล้านบาท เติบโต 32% งวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนปี 2566 อยู่ที่ 144 ล้านบาท เติบโต 23% งวดเดียวกันของปีก่อน ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2565 ที่ 3.30 บาท

Back to top button