EA วิ่ง 3% เก็งงบ Q2 เด่น รับรายได้ “โซลาร์ฟาร์ม-อีบัส” หนุน โบรกชูเป้า 101 บ.
EA วิ่ง 3% เก็งงบ Q2 เด่น รับรายได้ดีโซลาร์ฟาร์มดีขึ้น และทยอยส่งมอบรถบัสไฟฟ้าหนุน ลุ้นทั้งปีรายได้โต 20% โบรกชูเป้า 101 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (27 เม.ย. 2565) ราคาหุ้นบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ณ เวลา 10:20 น. อยู่ที่ระดับ 90.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 2.84% โดยทำจุดสูงสุดที่ 91 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 88.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 552.56 ล้านบาท
โดยนายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน EA เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 จะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ดำเนินการเปลี่ยนแผงโซลาร์ใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าดีขึ้น จะส่งผลดีต่อการรับรู้รายได้เข้ามามากขึ้น ประกอบกับ บริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากการส่งมอบรถบัสไฟฟ้า (E-Bus) ด้วย ซึ่งทั้งปีนี้คาดว่าส่งมอบได้ราว 1,500-2,000 คัน
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายไลน์ธุรกิจไปสู่การบริหารจัดการขยะ ล่าสุดชนะประมูลงานบริหารจัดการขยะบนเกาะล้าน จ.ชลบุรี รอการลงนานในสัญญาฯ ซึ่งตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไปจะเห็น EA เข้าไปมีบทบาทในเรื่องของ Wast to Energy มากขึ้น และยังมีแผนรุกเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะ หลังจากภาครัฐเปิดรับซื้อไฟฟ้า คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายใน 2 ปีจากนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มพลังงานทดแทน และทดแทนรายได้จาก Adder ที่จะหมดอายุ
ทั้งนี้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปี 2565 เติบโตกว่า 20% ตามการเติบโตของทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจ EV ซึ่งนอกเหนือจากการส่งมอบ E-Bus แล้ว ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือกับผู้ประกอบการรถบรรทุก เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้รถบรรทุกไฟฟ้า (E-Truck) มากขึ้น คาดว่าจะสามารถส่งมอบ E-Truck ได้หลายร้อยคันในปีนี้ ซึ่งจะช่วยต่อยอด EA Ecosystem ทั้งระบบ
อีกทั้งยังเดินหน้าขยายโรงงานแบตเตอรี่เป็น 2 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWH) จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 GWH โดยวางงบลงทุนราว 1,000-2,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงิน 30,000 ล้านบาทให้แก่นักลงทุนต่างประเทศ โดยจะดำเนินการในเดือนมิ.ย.2565 เพื่อรองรับการลงทุนในช่วง 3 ปี แบ่งเป็น การขยาย EV (EV Expansion) 40%, การขยายโรงงานแบตเตอรี่ เพิ่มเป็น 4 GWH ราว 20% และอีก 40% ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ เพื่อรองรับการลงทุนใหม่ๆ ในอนาคต
ด้านนายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA ระบุว่า กำไรสุทธิของ EA ในปีนี้จะเติบโตราว 98% ผลักดันโดยการเติบโตของ S-Curve ใหม่ ที่รวมถึงห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ EV และผลิตภัณฑ์น้ำมันกรีนดีเซลจากปาล์ม และช่วงเปลี่ยนวัตถุดิบ ดังนั้นยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 101 บาท