ACC บวก 7% มั่นใจปีนี้ “เทิร์นอะราวด์” ชูธุรกิจ ”พลังงาน-รับเหมา-กัญชง” ดันผลงานเข้าเป้า
ACC บวก 7% มั่นใจปีนี้ “เทิร์นอะราวด์” ชูธุรกิจ ”พลังงาน-รับเหมา-กัญชง” ดันผลงานเข้าเป้า ลุยประมูลงานรับเหมากว่า 800 ลบ. คาดรู้ผลไตรมาส 2-3 นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(30 พ.ค.65) ราคาหุ้นบริษัท แอดวานซ์ คอนเนคชั่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ACC ณ เวลา 10:57 น. อยู่ที่ระดับ 1.54 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 6.94% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 57.63 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นางสุพิน ศิริโภค รองประธานกรรมการ ACC เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/2565 “ในไตรมาส 1 บริษัทฯมีความยินดีที่สามารถสร้างกำไรสุทธิ 135.50 ล้านบาท เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 5.21 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท ซี.อี.ไอ.(เชียงใหม่) จำกัด และบริษัท เอซีซี กรีนเอนเนอร์จี จำกัด ในราคา 556.66 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์สุทธิ ณ วันขายเงินลงทุนของทั้งสองบริษัทย่อยจำนวน 395.48 ล้านบาท ส่งให้บริษัท มีกำไรสุทธิจากการขายเงินลงทุนจำนวน 161.18 ล้านบาท โดยในไตรมาส 1 บริษัทฯมีรายได้รวม 27.62 ล้านบาท
“ในปีนี้ ACC ตั้งเป้าสร้างผลประกอบการที่ดี โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ จากการดำเนินงานของบริษัทในเครือ ACC ได้แก่ 1. บริษัท เอซีซี อินฟรา จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านพลังงาน และรับเหมาสาธารณูปโภค 2. บริษัท เอซีซี แคนนาบิส จำกัด เป็นธุรกิจด้านกัญชงแบบครบวงจร 3.บริษัท เอซีซี แคปปิตอล จำกัด ล่าสุด ACC รุกธุรกิจงานรับเหมางานอินฟราสตรักเจอร์เต็มตัว รองรับอุตสาหกรรม ไฟฟ้า เทเลคอม ICT และพลังงานขยายตัวต่อเนื่อง และ จะเป็นธุรกิจหลักที่จะสร้างผลประกอบการที่เติบโตอย่างมั่นคงให้กับ ACC” นางสุพินกล่าวเสริม
ดร. พลาคม ชัยกิตติศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซีซี อินฟรา จำกัด บริษัทย่อยในกลุ่ม บริษัท แอดวานซ์ คอนเนคชั่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “ACC” ซึ่งอยู่ในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯ เตรียมขยายงานรับเหมา อินฟราสตรัคเจอร์แบบครบวงจร โดย เน้นการให้บริการรับเหมาโครงการสาธารณูปโภค ทั้งงานโยธา เทเลคอม ICT ไฟฟ้า พลังงาน และงานก่อสร้างแบบครบวงจร เนื่องจากบริษัทฯมีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม และการบริหารโครงการรับเหมา
อีกทั้งมีผู้บริหารและ ทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์สูง และ มีผลงานจำนวนมากที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับเจ้าของโครงการ ซึ่งสามารถรองรับการลงทุนทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน ด้านอินฟราสตรัคเจอร์หรือสาธารณูปโภคจำนวนมาก เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม รวมถึงรองรับการเข้าสู่เศรษฐกิจยุคดิจิตอล ที่ต้องการความรวดเร็วในการสื่อสาร
โดยล่าสุด บริษัทฯได้เซ็นสัญญารับงานจ้างเหมาวางท่อร้อยสายและบ่อพักสำหรับสายใยแก้วนำแสงใต้ดิน (Underground Fiber Optic) ระยะทาง 130 กิโลเมตร ระหว่างจังหวัดสตูล ถึง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มูลค่าโครงการ 91 ล้านาท กับ บริษัท วิน เทเลคอม จำกัด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานในเดือนพฤษภาคมนี้ และจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาส 4 ปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างเสนองานรับเหมาโครงการจำนวนหลายโครงการ อาทิ งานติดตั้งระบบโซลารูฟท็อป งานรับเหมาโยธา งานวางท่อ งานรับเหมาเทเลคอม โดยมูลค่าโครงการรวมกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยทราบผล ภายในไตรมาส 2-3 นี้ ซึ่งบริษัทฯคาดว่ามีโอกาสจะได้รับงานเพิ่มกว่า 400-500 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้และรับรู้รายได้บางส่วนในปี 2566 ซึ่งรายได้ด้านงานรับเหมาต่างๆ จะช่วยทำให้รายได้หลักของบริษัทฯ ซึ่งมาจากการขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 5 เมกะวัตต์ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เติบโตอย่างต่อเนื่องและจะช่วยให้ ACC สามารถเทิร์นอะราวนด์ กลับมามีผลประกอบการที่ดีและมั่นคง”
กลุ่ม ACC ยังได้ต่อยอดดำเนินธุรกิจกัญชงเชิงอุตสาหกรรม โดยวางแผนที่จะดำเนินธุรกิจกัญชงแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ เนื่องจากกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอนาคตไกล และ มีมูลค่าในตลาดโลกที่ใหญ่มากและตลาดมีอัตราการเติบโตสูง โดยเริ่มจากธุรกิจต้นน้ำ คือเป็นผู้ปลูกกัญชงเชิงอุตสาหกรรมระบบปิด มาตรฐานเมดิคัลเกรด หรือเชิงเภสัช ด้วยงบประมาณการลงทุนนำร่อง 34.4 ล้านบาท
โดยร่วมมือกับทีมวิจัยและพัฒนาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อพัฒนากัญชงเชิงเภสัช ตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยจะใช้พื้นที่การวิจัย ณ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดย ACC จะเริ่มปลูกกัญชงเมื่อช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา และคาดว่าผลผลิตจากการวิจัยจะเริ่มเข้าสู่ตลาดตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้ โดยมีกำลังการผลิตช่อดอกแห้งอย่างน้อย 8,000 กิโลกรัมต่อปี และสร้างรายได้และผลตอบแทนที่ดีและต่อเนื่องอย่างมั่นคงให้กับ ACC เนื่องจาก กัญชงในฐานะพืชเศรษฐกิจใหม่ของโลก รัฐบาลไทยเห็นความสำคัญ ได้ผ่านกฎหมายปลดกัญชงออกจาก ยาเสพติดประเภท 5 (ยกเว้นช่อดอก) โดย ACC จะมุ่งเน้น ธุรกิจกัญชงเชิงเภสัช เพื่อนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง ขนม เครื่องดื่ม ฯลฯ ได้อย่างกว้างขวางและมีมูลค่าตลาดสูง