ดาวโจนส์ปิดบวก 46 จุด หลังข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯดีเกินคาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) ขณะที่ดัชนีที่สำคัญอื่นๆปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกัน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.ที่พุ่งขึ้นมากเกินคาด ซึ่งช่วยสนับสนุนความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 46.90 จุด หรือ 0.26% ปิด (6 พ.ย.) ที่ 17,910.33 จุด, ดัชนี S&P 500 ขยับลง 0.73 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 2,099.20 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับขึ้น 19.38 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 5,147.12 จุด

ดาวโจนส์ปิดในแดนบวกหลังจากที่ร่วงลงในช่วงเปิดตลาด เนื่องจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 จาก 5.1% ในเดือนก.ย. ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 5.0%

นักลงทุนมองว่าข้อมูลจ้างงานล่าสุดทำให้ได้ข้อสรุปว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ถ้าหากไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆมาหักล้างตัวเลขจ้างงานล่าสุด ทางด้านนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐในเดือนต.ค.ถือเป็นตัวเลขที่ดี และถือเป็นข่าวดีที่จะสนับสนุนมุมมองของเขาสำหรับปี 2559 อย่างไรก็ตามเขาระบุว่า ยังคงมีความไม่แน่นอนที่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถปรับตัวกลับไปอยู่ที่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ภายในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้หรือไม่

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารได้ช่วยหนุนดาวโจนส์ให้ดีดขึ้นมาอยู่ในแดนบวก ขณะที่หุ้นกลุ่มนี้ได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เนื่องจากนักลงทุนมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะส่งผลให้กำไรของภาคธนาคารเพิ่มขึ้นด้วย โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ทะยานขึ้น 4.5%, หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 3.7 % และหุ้นเจพี มอร์แกน เชส ปรับขึ้น 3%

Back to top button