HL วิ่ง 4% เก็งงบ Q2 เด่น อานิสงส์ยอดขายเพิ่ม ดันรายได้ปีนี้โตกว่า 10%
HL บวก 4% เก็งงบ Q2 โตต่อ จากการรับรู้ยอดขายทั้งสาขาเดิม และสาขาใหม่ได้เต็มไตรมาส หนุนรายได้ปีนี้โตกว่า 10%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (7 มิ.ย.2565) ราคาหุ้นบริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL ณ เวลา 14:43 น. อยู่ที่ระดับ 27.25 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท หรือ 3.81% โดยทำจุดสูงสุดที่ 27.75 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 26.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 56.47 ล้านบาท
ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HL ธุรกิจร้านขายยาค้าปลีก ในรูปแบบ Chain Drug Store เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 คาดจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2565 โดยการเติบโตมาจากทั้งสาขาเดิมและสาขาใหม่ที่เปิดดำเนินการไปแล้ว ซึ่งบริษัทฯ ได้เปิดร้านขายยา แบรนด์ Pharmax สาขาทองหล่อ 13 เมื่อปลายไตรมาส 1/2565 ทำให้บริษัทฯจะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มไตรมาส 2/2565 รวมถึงได้เปิดร้านขายยาแบรนด์ iCare สาขาลาซาล เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
“ผลงานในไตรมาส 2/2565 น่าจะอยู่ในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทุกประเภทยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเภทสินค้าอุปกรณ์การแพทย์และสินค้าเพื่อสุขภาพ ดังนั้นทำให้มั่นใจว่าผลงานในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” ภก.ธัชพล กล่าว
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่มากขึ้นภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เพื่อเจาะกลุ่มตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ พร้อมทั้งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ PRIME และ BESUTO มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่อีก 8 สาขา จะมุ่งขยายสาขาในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง
โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีร้านขายยารวมทั้งสิ้น 28 สาขา ประกอบไปด้วย แบรนด์ Pharmax จำนวน 13 สาขา, iCare จำนวน 11 สาขา, Vitaminclub จำนวน 3 สาขาและ Super Drug จำนวน 1 สาขา และมีสินค้าที่จัดจำหน่ายรวมกว่า 10,000 รายการ
ทั้งนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2565 จะเติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,216 ล้านบาท โดยเติบโตตามการขยายตัวของสาขาใหม่และมีฐานสมาชิกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และการออกผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ให้มีความหลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกกลุ่มอายุ สนับสนุนการเติบโตได้อย่างยั่งยืน